นครราชสีมา วันนี้ (26 ตุลาคม 2566) ที่โรงเรียนบึงคำคู บ้านคูเมือง ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานเปิดโครงการสร้างเสริมความจงรักภักดีต่อสถาบัน บำบัดทุกบำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้กับประชาชน หรือโครงการจังหวัดเคลื่อนที่ ประจำเดือนตุลาคม 2566 โดยได้นำหน่วยแพทย์ เคลื่อนที่ พอ.สว. มาตรวจสุขภาพให้กับพี่น้องประชาชน หน่วยบริการประชาชนเครื่องที่ อาทิ การให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย ด้านสรรพสามิตร ด้านการเกษตร ด้านปศุสัตว์ ด้านการชลประทาน รวมถึงจุดบริการทำบัตรประชาชนเคลื่อนที่ มาให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล โดยมีนายไพรัตน์ วิทยาอนุมาส นายอำเภอโนนไทย พร้อมด้วยร้อยตรีฐนนท์ธรณ์ กวีกิจรัตนา นายกเทศมนตรีตำบลบัลลังก์ และนางสมพิส ทองดีนอก เกษตรจังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าส่วนราชการพื้นที่ พี่น้องประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรม  

 
นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า สำหรับหน่วยบริการที่ประชาชนในพื้นที่อำเภอโนนไทยให้ความสนใจสอบถามข้อมูลส่วนใหญ่จะเป็นหน่วยบริการเกี่ยวกับด้านการเกษตร ปศุสัตว์ รวมไปถึงด้านชลประทาน เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำการเกษตรของตนเอง ทั้งนี้ทางจังหวัดได้มีการแจ้งเตือนไปยังพี่น้องเกษตรกร ทั้ง 32 อำเภอของทางจังหวัด ให้งดการทำนาปรังในช่วงนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากปริมาณน้ำกักเก็บในอ่างเก็บน้ำแต่ละแห่งของจังหวัดนครราชสีมา มีปริมาณน้ำเพียง 50-60 เปอร์เซ็นต์ของความจุเท่านั้น ทำให้การทำนาปรังในพื้นที่นอกเขตชลประทานอาจจะได้รับผลกระทบ ปริมาณน้ำที่มีอยู่ในขณะนี้จำเป็นต้องสำรองไว้ใช้ด้านการอุปโภค-บริโภค เป็นหลัก ในช่วงหน้าแล้งปี 2567
 

 
ด้านนางสมพิส ทองดีนอก เกษตรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมาพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังทั้งหมดประมาณ 129,847 ไร่ 12,763 ครัวเรือน แยกเป็นพื้นที่ในเขตชลประทาน 96,738 ไร่ พื้นที่นอกเขตชลประทาน 33,109 ไร่ โดยมีพื้นที่ปลูกส่วนใหญ่ อยู่ที่อำเภอปักธงชัย อำเภอครบุรี อำเภอเมือง อำเภอสูงเนิน อำเภอพิมาย และอำเภอชุมพวง โดยพื้นที่ในเขตเพาะปลูกชลประทานส่วนใหญ่จะอาศัยปริมาณน้ำจากอ่างเก็บน้ำลำตะคอง อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง และอ่างเก็บน้ำมูลบนเป็นหลัก จึงเตือนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในเขตจังหวัดนครราชสีมา งดการปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากอาจจะมีน้ำไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของข้าวส่งผลให้ผลผลิตได้รับความเสียหายและอาจไม่ได้ผลผลิตทั้งหมด ซึ่งการปลูกข้าวนาปรังใช้น้ำมากถึง 1,000-1,100 ลบ.ม. /ไร่ ดังนั้นเกษตรกรควรหันมาปลูกพืชไร่ที่มีอายุสั้นและใช้น้ำน้อย เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดฝักอ่อนและพืชผัก