วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568 12:23 น.

ภูมิภาค

ปิดยุทธการ! ต้อนโขลงช้างป่าเขาอ่างฤาไนกว่า150 ตัว กลับคืนถึงถิ่นแปดริ้วครบทุกตัวแล้ว

วันเสาร์ ที่ 09 ธันวาคม พ.ศ. 2566, 11.23 น.

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 9 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานความคืบหน้า จากกรณีที่มีเหตุการณ์ช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน  จ.ฉะเชิงเทรา (ในเขตป่าลุ่มต่ำผืนสุดท้ายของไทยในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.จันทบุรี,จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี) กว่า 150 ตัว (บวก) พากันยกโขลงข้ามถิ่น ออกหากินนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์    เข้ามาในพื้นที่ทำกินของชาวบ้านซึ่งเป็นไร่อ้อยไกลถึง บริเวณหมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 11 ตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบหมายให้ รอ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายอรรถพล  เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับนายเผด็จ  ลายทอง ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า นายธานนท์  โสภิตชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 นายก้องเกียรติ  เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 นายสมเกียรติ สุสัณพูลทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดปราจีนบุรี ร่วมกันลงพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี และเข้าร่วมประชุมที่องค์การบริหารส่วนตำบลวังท่าช้าง อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อรับทราบข้อมูลจากหน่วยงานและชุมชนในพื้นที่ ประกอบด้วย นางสาวภัทริน ภู่มณี นายกองค์การบริการส่วนตำบลวังท่าช้าง นายธนุวัฒน์ เมืองจันทร์  ปลัดอำเภอกบินทร์บุรี นายวัชรธรรม พรมสามสี กำนันตำบลท่าช้าง และนายแอ็ด ตะเภาพงษ์ ตัวแทนราษฎรผู้ได้รับผลกระทบ

ที่ประชุมได้ร่วมกันวางแผนเพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น รอ.รชฎฯได้ให้กำลังใจชุมชนและเจ้าหน้าที่ ในการแก้ไขปัญหาและผลักดันช้างป่าให้กลับคืนสู่พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ผลการร่วมประชุมหารือ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้จัดตั้งศูนย์บัญชาการระดับพื้นที่ เพื่ออำนวยการแก้ไขปัญหาและกำหนดมาตรการในการผลักดันช้างป่ากลับคืนสู่พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน โดยเป็นการบูรณาการสนธิกำลังร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดปราจีนบุรี และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น โดยใช้ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลวังท่าช้าง เป็นสถานที่ตั้งศูนย์บัญชาการ มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 เป็นผู้บัญชาการ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า  เป็นหัวหน้าคณะทำงาน โดยสนธิกำลังเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) จำนวน 100 คน สำนักบริหารที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) จำนวน 100 คน และจังหวัดปราจีนบุรี อำเภอกบินทร์บุรี องค์การบริหารส่วนตำบลเขาไม้แก้ว และองค์การบริหารส่วนตำบลวังท่าช้างจำนวน  50 คน รวมทั้งสิ้น 250 คน ในการจัดตั้งชุดปฏิบัติการเพื่อดำเนินการเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า ให้กลับคืนสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป โดยให้มีการรายงานผลเป็นประจำทุกวัน ออกปฏิบัติงานในทันทีอย่างต่อเนื่องจนกว่าภารกิจจะสำเร็จ   ตามรายละเอียดที่นำเสนอโดยต่อเนื่อง   นั้น

ล่าสุด ตลอดทั้งคืนจรดค่อนรุ่งนี้ ( 9ธ.ค.)  นายธานนท์ โสภิชชา ผู้อำนวยการ สำนักบริหาร พื้นที่อนุรักษ์ 1 (ปราจีนบุรี)    ในฐานะผู้บังคับบัญชา ศูนย์แก้ไขปัญหาช้างป่า ออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์จังหวัดปราจีนบุรี ,นายมนต์มณัฏฐ์  เสมสวัสดิ์ ผู้อำนวยการส่วนประสาน โครงการพระราชดำริ และ  กิจการพิเศษ หัวหน้าชุดสนับสนุน และติดตามประเมินผล ,   นายกิตติชัย รุ่งไพบูลย์วงศ์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า หัวหน้าชุดปฏิบัติการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักบริหาร พื้นที่อนุรักษ์ 1 (ปราจีนบุรี)

ร่วมกันปล่อยแถวชุดปฏิบัติการผลักดัน ช้างป่า   จำนวน 16 ชุด   160 คน    เข้าพื้นที่ทำงาน     ในการผลักดันโขลงช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน  จ.ฉะเชิงเทรา  ในป่าลุ่มต่ำผืนสุดท้ายของไทยในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา,จ.สระแก้ว,จ.จันทบุรี,จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี)  รวมจำนวนมากกว่า 150 ตัว(บวก)   ที่ยกโขลงข้ามฝั่งเข้ามาหากินไกลถึงในพื้นที่ ต.วังท่าช้าง ,ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี   ให้กลับคืนถิ่นในเขตป่าลุ่มต่ำฯ  ถิ่นที่อยู่เดิม  เจ้าหน้าที่จากสำนัก บริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 (ปราจีนบุรี) , เจ้าหน้าที่ จากสำนักบริหารพื้นที่ อนุรักษ์ที่ 2( ศรีราชา), อาสาสมัครร่วมผลักดันช้าง และ ภาคส่วนต่างๆประมาณ 160 คน  ได้เข้าพื้นที่ ทำการผลักดันช้างป่า เป็นการ ต่อเนื่อง

จากการที่โขลงช้างป่า ประมาณ 150 + จาก เขตอนุรักษา สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน    ได้ออกมาจากป่า เข้ามาหากินในพื้นที่ การเกษตร ของชาว บ้าน ห่างจากแนว ไม่ต่ำกว่า 25 กิโลเมตร     เข้ามาหากินถึง ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการ ผลักดันให้กลับเข้าป่าตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2566  ณ  เวลานี้ โขลงช้างดังกล่าวได้เคลื่อนย้าย เข้าแนวเขตป่าเขาอ่างฤาไน  จ.ฉะเชิงเทรา  บริเวณ บ้านยาว ต.ท่ากระดาน อ. สนามชัย จ.ฉะเชิงเทรา เรียบร้อยแล้ว

เวลา 08.00 น. ได้รับรายงาน จากทุกหน่วย   สามารถผลักดันช้างเข้าป่าได้ครบทุกตัวแล้วจากนั้น   แต่ละหน่วยได้ กำลังกลับมารวมพล   ที่วัดคลองยายสร้อย  ทำการ ปิดยุทธการผลักดันโขลงช้างป่าในการนำกลับคืนผินป่าลุ่มต่ำผืนสุดท้ายสำเร็จเรียบร้อย   พร้อมแยกย้ายกลับที่ตั้งต้นสังกัด     โดยจะมอบหมายให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนรับช่วงต่อ ในการเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้ช้างออกมาอีก   สามารถทำการผลักดันกลับสู่ป่าได้สำเร็จครบทุกตัว     

เทคนิค ในการ ทำงานโดยใช้การก่อกองไฟป้องกันช้างย้อนกลับ หรือ ออกจากเส้นแนว บังคับห้ามใช้ประทัด หรือ  ระเบิด ปิงปองโดยเด็ดขาดเพราะจะทำให้ ช้างโกรธและหงุดหงิด ทำอันตราย เจ้าหน้าที่ ต้องใช้ความอดทน และต้องปฏิบัติงานตั้งแต่ ช่วง เย็นต่อเนื่องจรดยาวตลอดค่อนรุ่ง   เป็นช่วงที่ช้างออก มา หากิน

นายธานนท์ โสภิชชา ผู้อำนวยการ สำนักบริหาร พื้นที่อนุรักษ์ 1 (ปราจีนบุรี)    ในฐานะผู้บังคับบัญชา ศูนย์แก้ไขปัญหาช้างป่า ออกนอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์จังหวัดปราจีนบุรี  กล่าวสรุปว่า     “ในนามของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ขออภัยพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโขลงช้างป่าออกมาหากินในพื้นที่ในครั้งนี้ และขอขอบคุณพี่น้องประชาชนรวมถึงชุดอาสาช่วยผลักดันช้างต่างๆ ผู้นำชุมชน จิตอาสา ที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี จนสามารถผลักดันช้างป่าเข้าป่าอนุรักษ์ได้ครบทุกตัว และหากพบว่ายังมีช้างป่าหลงเหลือรอดพ้นสายตาเจ้าหน้าที่ไป ขอให้แจ้งสายด่วน 1362 “   นาย ธานนท์   กล่าวในที่สุด

หน้าแรก » ภูมิภาค