วันอาทิตย์ ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2568 02:56 น.

ภูมิภาค

มหากาพย์ 15 ปี มัสยิดกลาง สตง. ชี้ อบจ.ตรัง ละเมิดไม่มีอำนาจสร้าง ต้องชดใช้เงินคืน 82 ล้าน

วันจันทร์ ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2566, 18.40 น.

วันที่ 11 ธ.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี อบจ.ตรัง สมัย นายกิจ หลีกภัย นั่งเก้าอี้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ตรัง ใช้งบประมาณโดยผ่านสภาฯ เริ่มแรกเมื่อปี พ.ศ.2552 ในการก่อสร้างตัวอาคารมัสยิดกลาง จ.ตรัง ในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ไปแล้วเกือบ 100 ล้านบาท ระยะเวลาผ่านมาจนถึงปัจจุบันกว่า 15 ปีแล้วนั้น ยังไม่สามารถดำเนินการส่งมอบให้กับทางคณะกรรมการกลางอิสลาม จ.ตรัง นำไปใช้ประโยชน์ได้ ต่อมา นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายกองค์การบริหารส่วน จ.ตรัง (ปัจจุบัน) ได้เข้ามาดำรงตำแหน่ง จึงได้มีการใช้งบประมาณปรับปรุงหลังคา


น.ส.ลัดดาวรรณ เดชประสิทธิ์ รักษาการท้องถิ่น จ.ตรัง สำนักส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จ.ตรัง เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นเรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนตามขบวนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยที่ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ในฐานะผู้กำกับดูแลองค์การบริหารส่วน จ.ตรัง (อบจ.) ได้รับแจ้งหนังสือจากสำนักงาน สตง.ภาคที่ 14 กรณีมัสยิดกลาง จ.ตรัง ว่ามีการตรวจสอบแล้วได้ความในลักษณะว่า มัสยิดกลาง จ.ตรัง ที่ดำเนินการก่อสร้างแล้ว สตง.ให้ความเห็นว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อบจ.ตรัง ซึ่งในทางหน่วยตรวจสอบเห็นว่า กรณีที่ดำเนินการไป อาจจะไม่สามารถดำเนินการได้ ก็มีประสงค์ที่จะให้ดำเนินการในส่วนของการดำเนินการทางละเมิด ก็คือให้ชดใช้เงินส่วนที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย หรือตามอำนาจหน้าที่ของ อบจ.ตรัง ประมาณ 82 ล้านบาท ซึ่งเรื่องก็ได้ส่งผ่านมาทางผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ในส่วนของผู้ว่าฯ ก็ได้นำแจ้งไปยัง อบจ.ตรัง ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานรัฐ ตาม พรบ.ละเมิดที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะดำเนินการในส่วนตามความเห็นของ สตง.ภาคที่ 14


ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการก็จะเป็นทาง อบจ.ตรัง ในฐานะหัวหน้าหน่วยงานที่จะต้องดำเนินการตรวจสอบว่ามูลเป็นไปตามที่ สตง.ได้มีการทำความเห็น หรือให้ข้อสังเกตมาหรือเปล่า แล้วกรณีที่เกิดความเสียหายตามที่ สตง. ได้ชี้มาก็จะต้องดำเนินการในส่วนของการหาผู้ชดใช้ เพื่อที่จะนำเงินของรัฐที่เสียไปมาคืนรัฐ ซึ่งขั้นตอนนี้อยู่ในขบวนการดำเนินการของ อบจ.ตรัง ซึ่งขณะนี้ความคืบหน้าการดำเนินการในทางของเอกสาร เรื่องของการชี้แจ้งไปยัง สตง. จะใช้สิทธิว่าอยากจะยืนยันเรื่องของอำนาจหน้าที่ให้ สตง.ได้ทราบว่าที่ก่อสร้างไปแล้ว อบจ.เองคาดว่าจะถูกต้องหรือจะยังไง ก็ต้องรอทาง สตง. ให้ความเห็นกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

 
อีกประเด็นในทางข้อกฎหมายก็มีความตกบกพร่องว่าเมื่อทาง อบจ.ตรัง ได้รับหนังสือก็ได้ทำหนังสือมาหาผู้ว่าฯ โดยขอให้ผู้ว่าฯ วินิจฉัยว่าสิ่งที่อบจ.ก่อสร้างไปจะอาจจะถูกต้อง ก็เป็นเงื่อนไขของข้อกฎหมายอีกกฎหมายหนึ่งว่าด้วยการรับเงินเบิกจ่ายเงิน แต่ว่าทางผู้ว่าฯ เอง โดยสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด ก็มีความเห็นและทางผู้ว่าฯ ก็ได้แจ้งไปทาง อบจ.ตรัง ว่าเมื่อตรวจสอบขบวนการที่จะให้ผู้ว่าฯวินิจฉัยว่าสิ่งที่ทำถูกต้องหรือไม่ ยังไม่เห็นว่าอบจ.ตรัง ได้ดำเนินการชี้แจงไปยัง สตง. ก่อนตามขั้นตอนและวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่ตัวระเบียบกำหนดไว้


ซึ่งทางผู้ว่าฯ ก็ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง นายก อบจ.ตรัง ไปว่า คงจะไม่สามารถวินิจฉัยตามที่กฎหมายกำหนดให้ได้ เนื่องจากว่า อบจ.ตรัง ยังไม่ได้ดำเนินการชี้แจงเรื่องนี้ไปยัง สตง.ก็ต้องกลับไปที่ อบจ.ตรัง จะต้องไปดำเนินขบวนการพิจารณาว่าจะเลือกใช้ช่องทางไหน คือจะชี้แจงไปยัง สตง.ก่อน แต่หากชี้แจงก่อน ระเบียบเบิกจ่ายเงินปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว จะมาเสนอให้ผู้ว่าวินิจฉัยให้ว่าสิ่งที่ก่อสร้างไปชอบแล้วหรือไม่ ก็ต้องงดไปในทางกฎหมาย เพราะกฎหมายตัวระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรับเงิน ซึ่งกำหนดข้อ 103 ให้อำนาจผู้ว่าฯ ในการวินิจฉัยและโต้แย้งกับ สตง.ได้นั้น ปัจจุบันไม่มีกฎหมายนี้อยู่แล้ว และจะต้องไปดูตาม พรบ.วินัยการเงินการคลัง 2561

 
ส่วนในประเด็นการตรวจสอบในเรื่องที่ทีมผู้บริหารชุดใหม่ ได้ใช้เงินประมาณเข้าไปเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมเพิ่มเติมนั้นยังไม่เห็นหนังสือจากผู้ตรวจสอบ ว่ามีขาดตกบกพร่อง หรือใช้อำนาจถูกต้องหรือไม่ ส่วนเรื่องอายุความนั้นมีอายุความ 10 ปี แต่ปรากฏว่าระยะเวลาผ่านมานานกว่า 15 ปี ซึ่งล่วงเลยมาแล้วนั้น ปัจจุบันก็เป็นผู้บริหารชุดใหม่ ชุดเก่าก็หมดวาระไปแล้ว การดำเนินการก็อาจจะตกไปอยู่กับผู้ที่มารับช่วงต่อในการรับผิดชอบต่อซึ่งว่าด้วยทางกฎหมาย แต่อย่างไรก็ยังอยู่ในขั้นตอนของขบวนการของกฎหมาย

หน้าแรก » ภูมิภาค