วันเสาร์ ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 12:02 น.

ภูมิภาค

สภาอุตสาหกรรมนครพนม จ่อเสนอนายกฯ เร่งพัฒนาศูนย์สินค้าชายแดน และงบปรับปรุงถนน R12 เส้นทางขนส่ง 3 ประเทศ

วันศุกร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567, 16.21 น.

ในโอกาสที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจราชการ และติดตามการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนครพนม,สกลนคร และอุดรธานี ระหว่างวันที่ 18-19 กุมภาพันธ์ 2567 นายจรินทร์ บุตรธิเดช รักษาการเลขานุการฯ และ ว่าที่ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.นครพนม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า สภาอุตสาหกรรมฯได้มีเรื่องสำคัญที่จะนำเสนอ คือ การจัดตั้งศูนย์บริการค้าชายแดนจุดเดียว  เบ็ดเสร็จ หรือ One-Stop Service  มั่นใจว่าจะทำให้สะดวกเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในการขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ณ ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 (นครพนม – คำม่วน) จากที่ผ่านมาใช้เวลาเตรียมเอกสารหลายชั่วโมง ทำให้เกิดความล่าช้า ในขั้นตอนการส่งออกสินค้า ลักษณะนี้เป็นปัญหามานาน รวมถึงขาดแคลนงบประมาณในการดูแลพื้นที่ ที่ต้องเพิ่มพนักงานมาประจำในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดขัตฤกษ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเส้นทางการขนส่ง ได้แก่เส้นทาง R12 ฝั่งสปป.ลาว ถึงชายแดนประเทศเวียดนาม ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร ต้องได้รับการเร่งรัดปรับปรุงเส้นทางดังกล่าว ปัจจุบันเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ในการสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย กับ สปป.ลาว สนับสนุนงบประมาณพัฒนา จึงต้องการขอให้รัฐบาลเร่งพิจารณาเงื่อนไข เพื่อความสะดวกในการขนส่งสินค้า ย่นระยะเวลาการเดินทางได้หลายชั่วโมง  อย่างไรก็ตามหากมีการจัดตั้งศูนย์บริการค้าชายแดนจุดเดียวเบ็ดเสร็จ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวอย่างแน่นอน คาดว่าจะส่งผลดีต่อตัวเลขเศรษฐกิจการค้าชายแดนจากแสนล้านบาท เพิ่มเป็น 2 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ ถือเป็นการติดตามเรื่อง เนื่องจากช่วงเดือนตุลาคม 2566 จังหวัดนครพนม ร่วมกับหน่วยงานภาคเอกชน ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมฯ และ หอการค้าจังหวัดนครพนม ได้เดินทางสำรวจเส้นทาง R12 สปป.ลาว เพื่อประเมินศักยภาพทางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว พบอุปสรรค์เส้นทางการขนส่งสินค้า ที่ส่งออกจากด่านพรมแดน จ.นครพนมไปยังเวียดนามหรือต่อไปยังประเทศจีน คือสภาพเส้นทางหมายเลข R 12 ในประเทศลาว ระยะทาง 147 กิโลเมตร ตั้งแต่เมืองท่าแขกผ่านเมืองยมราช สิ้นสุดที่ด่านจาลอของเวียดนาม มีสภาพเส้นทางชำรุดค่อนข้างมาก และไม่มีไหล่ทาง

โดยทางเนด้าหรือสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) ได้ทำการศึกษาตั้งแต่ปี 2562 และดำเนินการออกแบบเป็นที่เรียบร้อย พร้อมนำเสนอต่อทางรัฐบาลลาว เพื่อจัดหาเงินทุนมาให้กู้ยืม เพื่อใช้ในการซ่อมบำรุงเส้นทาง โดยปรับสภาพให้มีความสมบูรณ์ ด้วยพื้นยางแอสฟัลท์ตลอดสาย และขยายไหล่ทางออกข้างละ 1.5 เมตร ซึ่งถ้าโครงการนี้ได้รับการผลักดัน จะทำให้ถนนสาย R 12 ที่เชื่อมต่อการส่งออกจากนครพนม ไปยังประเทศเวียดนาม มีความสะดวกเพิ่มขึ้น และยังลดเวลาในการขนส่งได้อย่างมาก ปัจจุบันระยะทางจากนครพนมถึงด่านจาลอประเทศเวียดนาม ระยะทางเพียง 150 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไม่น้อยกว่า 6-7 ชั่วโมง เนื่องจากสภาพถนนไม่เอื้ออำนวย

สำหรับการลงทุนของเนด้า ถ้าได้รับการผลักดันสำเร็จ ให้เงินทุนแก่รัฐบาลลาวในการปรับปรุงเส้นทาง การส่งออกผ่านด่านนครพนม จะสามารถเพิ่มมูลค่าได้อย่างรวดเร็ว เพราะสภาพเส้นทางในตอนนี้ถือเป็นปัญหาหลัก โดยสินค้าหลายประเภทมีมูลค่าสูง บริษัทประกันภัย ประเมินว่าเส้นทางนี้มีความเสี่ยงสูง ทำให้สินค้าหลายๆอย่าง ไม่สามารถใช้เส้นทางนี้ได้ ถ้ามีการปรับปรุงให้อยู่ในระดับมาตรฐานความปลอดภัย เป็นที่ยอมรับระดับสากล จะทำให้สินค้าหลายๆกลุ่ม หันมาใช้เส้นทางนี้ ปัจจุบันมีสินค้าในกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ มูลค่าตู้คอนเทรนเนอร์ละ 80-120 ล้านบาท ต้องหันไปใช้เส้นทาง R 9 (มุกดาหาร-สะหวันเขต-ด่านลาวบาว) แทน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ถ้าสามารถผลักดันให้ถนน R 12 ได้รับการปรับปรุง โดยทางเนด้าให้การสนับสนุนออกเงินทุน ให้แก่รัฐบาลลาวกู้ยืม ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ น่าจะส่งผลให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถบรรทุกสินค้า สามารถทำเวลาได้เพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น และมีความปลอดภัยในการขนส่งสูง ทั้งนี้เนด้าได้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อสำนักงบประมาณฯ และคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ในเงื่อนไขที่ทางการลาวเสนอมา จะส่งผลดีอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของ จ.นครพนม โดยเฉพาะการค้าระหว่าง 3 ประเทศ ไทย-ลาว-เวียดนาม สามารถส่งออกไปยังประเทศจีนสะดวกรวดเร็ว จะเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนของ จ.นครพนมได้เป็นอย่างมาก

หน้าแรก » ภูมิภาค