จากกรณี น.ส.การ์ฟิลด์ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี บ้านอยู่ ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ร้องเรียนขอความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน กรณี ด.ญ.น้ำ อายุ 10 ขวบ  บุตรสาวถูกนายสันติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นบิดาแต่ติดยาเสพติดงอมแงม จนเป็นผู้ป่วยจิตเวช หรือ “คนเชือน-ระเบิดมนุษย์” อาละวาดคลุ้มคลั่ง บุกเข้าไปบังคับข่มขู่พา ด.ญ.น้ำ บุตรสาวออกจากโรงเรียน เมื่อเวลา 13.00 น.เมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) ซึ่งเป็นวันสอบปลายภาควันสุดท้าย โดยก่อนหน้านี้ตนได้แจ้งประสานครูคุมสอบ ครูประจำชั้น ของโรงเรียนไว้แล้วทุกคนก็รับรู้ รับทราบถึงปัญหาเป็นอย่างดี แต่คุณครูอ้างว่านายสันติเข้าไปบังคับข่มขู่พา ด.ญ.น้ำออกไปจากโรงเรียน ในช่วงที่ไม่มีครูอยู่ในห้องพอดี  ซึ่งตนเกรงว่า ด.ญ.น้ำจะถูกพ่อทำร้ายบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ ตนได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ชะเมา และนำลังติดตามไปที่บ้านของนายสันติ พ่อน้องน้ำ  ซึ่งอาศัยอยู่กับพี่สาวซึ่งเป็นป้าของน้องน้ำ พบตัวนายสันติ แต่ไม่พบตัว ด.ญ.น้ำโดยเมื่อนายสันติเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็วิ่งหลบหนีหายไปอย่างรวดเร็ว  จนถึงขณะนี้ทางตำรวจยังไม่สามารถติดตามตัว ด.ญ.น้ำ หรือน้องน้ำ บุตรสาวกลับคืนมาได้ และยังไม่รู้น้องน้ำจะเป็นตายร้ายดีประการใดนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรราช ได้สั่งการไปยังนายจักรกฤษณ์ ฝั่งชลจิตต์ นายอำเภอเมือง พ.ต.อ.ยรรยง หิรัญบูรณะ ผกก.สภ.ชะเมา ให้จัดกำลังชุดสืบสวน สนธิกำลังกับฝ่ายปกครอง ลงสืบสวนสอบสวนหาเบาะแสของนายสันติ และน้องน้ำ ให้พบโดยเร็วที่สุด และเชื่อว่าน่าจะยังหลบซ่อนอยู่ที่บ้านของพรรคพวกเพื่อนฝูงนายสันติ ใน ต.ท่าเรือ จุดไหนสักแห่ง

วันที่ 17 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ (16 มี.ค.)นายไพฑูรย์ อินทศิลา ผู้สื่อข่าวอาวุโส ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อนายภาณุพงศ์ จันทร์นิ่ม สายตรวจโซเชี่ยลสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ร่วมกับสมาชิกกู้ภัยมูลนิธิประชาร่วมใจ นายประทีป อมรวัฒน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ท่าเรือ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ชะเมา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบค้นหานายสันติ และน้องน้ำ ตามเพื่อนบ้านของนายสันติ ในพื้นที่ ต.ท่าเรือหลายจุดเกือบต่อเนื่องหายชั่วโมงจนมืดค่ำแต่ไม่พบตัวน้องน้ำ และนายสันติ จนเวลาประมาณ 22.00 น. ได้มีเพื่อนของนายสันติ มาแจ้งนายประทีป อมรวัฒน์ ว่าพบนายสันติ พาน้องน้ำไปขออาศัยอยู่เพื่อนบ้านหลัง อบต.ท่าเรือ หมู่ 16 ต.ท่าเรือ  นายประทีป จึงสั่งการให้เพื่อนของนายสันติ ไปบอกนายสันติ ว่าไม่ต้องหนี พาน้องน้ำมาหานายประทีป ที่บ้านทหลังจากนั้นประมาณ 30 นาทีนายสันติ ไดพาน้องน้ำ มาหานายประทีป ณ.ที่ทำการผู้ใหญ่ บ้านหมู่ 1 โดยทั้งสองปลอดภัยดี

ต่อมา พ.ต.อ.ยรรยง หิรัญบูรณะ ผกก.สภ.ชะเมา ได้เดินทางมาร่วมสอบสวนปากคำนายสันติ และน้องน้ำ โดยนายสันติ ให้การว่าตนเองเหมือนคนสิ้นไร้ไม้ตอก ไม่มีใครช่วยเหลือ น.ส.การ์ฟิลด์ เมียรักก็พาลูก 3 คนหนีไปอยู่บ้านพ่อแม่ในพื้นที่ ต.ปากนคร ตนไปลักพาน้องน้ำ บุตรสาวคนโตกลับมาอยู่ด้วย แต่ น.ส.การ์ฟิลด์ ก็มาตามน้องน้ำคืน ทั้งแจ้งความและร้องศาลเด็ก เยาวชนและครอบครัว โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 15 มี.ค.ซึ่งน้องน้ำสอบปลายภาควันสุดท้าย และทราบว่า น.ส.การ์ฟิลด์ จะมารับตัวน้องน้ำกลับไปอยู่ในพื้นที่  ต.ปากนคร ตนจึงตัดสินใจชิงเข้าไปนำน้องน้ำออกมาเสียก่อน เมื่อมาที่บ้านกพบ น.ส.การ์ฟิลด์  พาตำรวจมาเต็มไปหมดตัดสินใจพาน้องน้ำหลบหนีไปขออาศัยบ้านเพื่อนตามจุดต่าง ๆ ไปเรื่อย  และคิดหาคนช่วยเหลือตน จนสุดท้ายจะไปหานายก อบต.ท่าเรือ ให้ช่วยเหลือแต่เนื่องจากติดวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จึงรออยู่บ้านเพื่อนหลัง อบต.ท่าเรือ เพื่อว่าในวันจันทร์ จะพาน้องน้ำ เข้าพบขอความช่วยเหลือนายก อบต.ท่าเรือ โดยไม่ทราบว่ามีการแจ้งความลิกตืดตามตนกับน้องน้ำอย่างต่อเนื่อง เมื่อทราบว่านายประทีป และสื่อมวลชนให้มาพบที่บ้านนายประทีป ผู้ใหญ่บ้าน ตนตัดสินใจพาน้องน้ำมาพบทันที

 ในขณะที่น้องน้ำ กล่าวว่า หนูสงสารพ่อ พ่ออยู่คนเดียว ไม่มีใครช่วยเหลือพ่อ หนูอยากอยู่กับพ่อ ไม่อยากไปอยู่กับแม่ แม้หนูจะต้องทำงานบ้านหลายอย่างแทนพ่อ หนูเหนื่อยแต่หนูก็ยินดีที่จะทำเพื่อช่วยเหลือพ่อ หนูรักพ่อ รักแม่ แต่ก็ต้องการอยู่กับพ่อ และอยากให้แม่พาน้องอีก 2 คนกลับมาอยู่กันเป็นครอบครัวกันอย่างมีความสุขเหมือนเดิม  และหนูขอขอบพระคุณทุกท่านที่เป็นห่วงและติดตามหาหนูและพ่อเพื่อช่วยเหลือในครั้งนี้

พ.ต.อ.ยรรยง หิรัญบูรณะ ผกก.สภ.ชะเมา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ได้รายงานให้ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราชทราบว่าพบนายสันติ และน้องน้ำแล้ว ทั้งสองปลอดภัยดี โดยนายสันติ ก็ไม่มีอาหารเชือนหรือคลุ้มคลั่งยาเสพติดแต่อย่างมด  และทางตำรวจจะดำเนินการตามกระบวนการและขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ด้านนายประทีป อมรวัฒน์ กล่าวว่า ตนได้รายงานการพบตัวนายสันติและน้องน้ำ ให้ผู้ว่า และท่านนายอำเภอเมือทราบแล้ว สำหรับนายสันติ แม้จะติดยาเสพติดแต่ยังไม่ถึงขั้นมีอาการคลุ้มคลั่ง แต่เนื่องจากสภาพจิตใจที่เมียพาลูกหนีไปหมด และไม่มีใครช่วยเหลือเขาเลย ทำให้สภาพจิตใจของเขาย่ำแย่ เมทื่อประกอบกับเรื่องยาเสพติด จึงถูกเหมารวมไปทั้งหมด และนายสันติ เคยยืนยันกับตนว่าเขาพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนบำบัดรักษา  หลังจากนี้ตนจะเสนอรายชื่อนายสันติ เข้าสู่บัญชีคนเชือนตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย เพื่อเขาสู่การบำบัดเยียวยาช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมานายสันติ ได้พาน้องน้ำกลับมานอนที่บ้านตามปกติ และพบว่านายสันติ และน้องน้ำ มีอาการผ่อนคลายมากขึ้น  จนกระทั้งรุ่งเช้า น.ส.การ์ฟิลด์ อดีตเมียรัก พร้อมลูกสาวคนกลางวัย 5 ขวบ ได้เดินทางมาพบนายประทีป อมรวัฒน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.ท่าเรือ โดยมีตัวแทนฝ่ายต่าง ๆ ประกอบด้วย ร.ต.อ.ศุภวรรณ. ทองเพ็ชร์ พนักงานสอบสวน สภ.ชะเมา พร้อมด้วยร้อยเวรฯ 20 สภ.ชะเมา  นายสฤษฎ์  เกตุชาติ กำนัน ต.ท่าเรือ, นายปะทีป อมรวัฒน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1  นายธนดล อมรพล อ.บ.ต.หมู่ที่ 1 ต.ท่าเรือ, นางจิราภรณ์ แผ้วพันธ์ชู ผอ.รร.วัดพังสิงห์, นายผงาด กลั่นเรืองแสง นักสังคมสงเคราะห์ พมจ.นครศรีธรรมราช, นายภาณุพงศ์ จันทร์นิ่ม ตัวแทนสมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช และคู่กรณี นายสันติ  ศรีวิลัย และนางสาวชุติมา  แสงปาน หรือการ์ฟิลด์ ร่วมกันประชุมหารือหาข้อตกลงเรื่องบุตร ด.ญ.ณัฏฐพัชร์  ศรีวิไลหรือน้องน้ำ  ได้ข้อตกลงว่า นางสาวชุติมาฯหรือการ์ฟิลด์ ให้โอกาสนายสันติฯ ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทำงาน และไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เมื่อปรับปรุงตัวเองดีแล้ว นางสาวชุติมาฯ หรือ  น.ส.การ์ฟิลด์  จะกลับมากินอยู่ร่วมกันเป็นสามีภรรยาและครอบครัวที่มีความสุขอีกครั้งในอนาคต

โดยนายสันติฯ จะเข้าร่วมโครงการแจ้งข้อมูลข่าวสารอาชญากรรม ต.ท่าเรือ กับผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 และ สภ.ชะเมา  และในส่วนของการปกครองบุตร นางสาวชุติมาฯ หรือ  น.ส.การ์ฟิลด์ ยินยอมให้นายสันติ ดูแล ด.ญ.ณัฏฐพัชร์ฯ หรือน้องน้ำ และให้เรียนที่โรงเรียนวัดพังสิงห์ โดยเงื่อนไขในการดูแลบุตรจะต้องให้ไปโรงเรียนตามปกติ และในส่วนของการติดตามดูแล ด.ญ.ณัฏฐพัชร์ฯ น้องน้ำ ทางนักสังคมสงเคราะห์ และคุณครู รร.วัดพังสิงห์ จะติดตามดูและ และเยี่ยมบ้าน เพื่อให้การแนะนำในการดูแลบุตรกับนายสันติฯ ต่อไป.