วันที่ 15 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ความสนุกสนานวันเทศกาลสงกรานต์ของ จ.นครพนม โดยเทศบาลเมืองนครพนมร่วมกับส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในเขตเทศบาลฯ ได้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน บริเวณริมแม่น้ำโขง ลานพนมนาคา และ ลานพญาศรีสัตตนาคราช ถนนสุนทรวิจิตร เพื่อสืบสานวัฒนธรรม อนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีของไทย ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และ กระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น

บริเวณดังกล่าวมีพระธาตุประจำวันเกิดทั้ง 8 พระธาตุ รวมถึงพญาศรีสัตตนาคราชจำลอง เพื่อให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ได้มาสรงน้ำกราบไหว้ขอพร โดยไม่ต้องเดินทางไปหลายอำเภอ และทางเทศบาลฯ ยังมอบความชุ่มฉ่ำแก่ผู้มาเล่นน้ำ ด้วยอุโมงค์น้ำที่ยาวเกือบ 100 เมตร ที่ได้รับความสนใจจากประชาชน นักท่องเที่ยวจำนวนมาก อีกทั้งความบันเทิงที่เวทีกลางกับศิลปินดัง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อส. อปพร. อำนวยความสะดวก ความปลอดภัยตามจุดต่างๆจำนวนมาก และมีคำชื่นชมผู้ที่มาเที่ยวจากผู้ใหญ่ ว่า มีความสุภาพในการเล่นน้ำ ไม่มีการทะเลาะวิวาทแต่อย่างใด รวมทั้งการรักษาความสะอาด ทุกคนมีวินัยถือเป็นแบบอย่างที่ดี

นอกจากนี้เทศบาลเมืองนครพนม ยังจัดให้มีการแข่งขันส้มตำลีลา กำหนดหลักเกณฑ์ ว่า รสชาติต้องแซบตามแบบฉบับเมนูหลักชาวอีสานการแต่งกายประกอบท่าทาง วัตถุดิบต้องใหม่สด ตกแต่งอาหารสวยงาม ที่สำคัญต้องสะอาดถูกหลักอนามัย เพื่อชิงเงินรางวัลชนะเลิศ 7,000 บาท รวมทั้งมีการแข่งขันกินข้าวปุ้นสุดฟิน จำนวน 1 กิโลกรัม ใครหมดก่อนได้เงินรางวัล 2,000 บาท เป็นการสร้างสีสันความสนุกเฮฮาในวันสงกรานต์ โดยมีโรงเรียนที่อยู่ในความดูแลของเทศบาลฯ จำนวน 6 แห่ง และ 25 ชุมชน ส่งทีมเข้าชิงชัยรวมทั้งสิ้น 12 ทีม ซึ่งการแต่งกายของแต่ละทีม ไม่มีใครยอมใคร มีทีเด็ดอะไรจัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก โดยเฉพาะกระแสดำดงฟีเวอร์

การแข่งขันส้มตำลีลา สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ร่วมงานตลอดเวลา การควงสากกะเบือ ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญ แม้จะมีการฝึกฝนอยู่เนืองๆ แต่ก็มีโอกาสพลาดได้เสมอ อย่างน้อยการควงสากพลาดถึง 2 ครั้ง 2 ครา และเกือบจะเหวี่ยงโดนหัวช่างภาพที่อยู่ใกล้ๆ ขณะที่ทีมโรงเรียนเทศบาล 6 ตำมันจนลืมครกระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แม้ไม่ติด 1 ใน 3 เพราะครกดันแตกก่อน แต่ได้รางวัลปลอบใจจากพ่อเมือง และนายกเทศมนตรี มอบเงินให้ไปซื้อครกใบใหม่ ผลการแข่งขันปรากฏว่าทีมสาวประเภทสองส้มตำยำแซบ โชว์ลีลาและรสชาติโดนใจกรรมการมากที่สุดคว้าแชมป์ไปครอง

ส่วนการแข่งขันกินข้าวปุ้น 1 กก.หมดเร็วที่สุด มีผู้ขอรับบทชูชกจำนวน 15 คน หนึ่งในนั้นมีแชมป์กินเร็ว 2 สมัยนายธีระศิลป์ ไชยพรม วัย 25 ปีเบจเพสพอดี  ลงป้องกันแชมป์ครั้งนี้ด้วย และเป็นไปตามคาดหลังสิ้นเสียงนกหวีด แชมป์เก่าใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาที ข้าวปุ้น 1 กก.หมดอย่างรวดเร็ว คว้าแชมป์กินเร็วเป็นสมัยที่ 3 ไปครองอีกครั้ง ส่วนผู้แข่งขันรายอื่นล้วนมีสปิริต แม้จะไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือ แต่ก็กินข้าวปุ้นจนหมดเช่นกัน

สำหรับวันที่ 15 เมษายน เป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 ความสนุกสนานยังคงเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือยกระดับกิจกรรมการท่องเที่ยวของจังหวัด กระตุ้นการเดินทางนักท่องเที่ยว ดึงดูดให้เข้ามาในพื้นที่ ในช่วงวันหยุดยาว หรือเทศกาลอื่นให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมและผลักดันให้นครพนมเป็นจังหวัดท่องเที่ยวเมืองหลักตามนโยบายของรัฐบาล   

โดยสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่น การทําน้ำอบ น้ำหอม การทําบายศรี ขันหมากเบ็งถวายพระธาตุประจําวันเกิด สินค้า OTOP Highlight ประติมากรรมทรายแม่น้ำโขง กิจกรรมทางน้ำ เช่น เจ็ทสกี บานาน่าโบ๊ท เรือคายัค Off Road Show ซุ้มชายหาด บินพารามอเตอร์ สนับสนุนโดย Off Road นครพนม รวมทั้งกิจกรรมทางน้ำเพื่อสุขภาพ วารีบําบัด และการแสดงแปลอักษรกลางแม่น้ำโขงจากชมรมนกเป็ดน้ำ