วันที่ 23 พฤษภาคม 2567 มีการร้องเรียนจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่เป็นเจ้าของพื้นที่โดยรวมประมาณ 20 กว่าไร่ในพื้นที่ ม.4 ต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมทธานี ไปยังสำนักพุทธศาสนา จ.ปทุมธานี ว่ามีบุคคลแต่งกายคล้ายพระสงฆ์มาพำนักอาศัยในสถานที่ที่ไม่ใช่วัดจำนวนประมาณ 30-50 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเข้าออกตลอดทั้งปี ขอร้องเรียนให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเป็นแหล่งมั่วเมาอบายมุขต่างๆ ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อคณะสงฆ์ และพระพุทธศาสนา จากนั้นสำนักพุทธศาสนา จ.ปทุมธานี ได้ประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ คณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานี ,จังหวัดปทุมธานี, กอ.รมน.จ.ปทุมธานี, ฝ่ายความมั่นคงภายในจ.ปทุมธานีและฝ่ายปกครองอำเภอหนองเสือ ลงพื้นที่ดังกล่าวเบื้องต้นพบชายแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ 27 รูป ระหว่างหน่วยงานได้เข้าตรวจค้นที่พักพระสงฆ์รูปหนึ่ง ชื่อพระบรรทม โคตรแสง นั้นพบอุปกรณ์การเสพยาเสพติดชนิดยาบ้า

จากนั้นได้ทำการสอบถามพระสงฆ์รูปดังกล่าวได้รับสารภาพว่าพึ่งเสพยาบ้าไป 2 เม็ด จากนั้นหน่วยงานที่เข้าตรวจสอบจึงนิมนต์พระสงฆ์ 27 รูปไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่วัดพวงแก้ว ต.บึงบอน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ให้มีการลาสิกขาเบื้องต้น 4 รูป ได้แก่รูปที่ 1 เสพยาบ้า, รูปที่ 2 ดื่มสุรา, รูปที่ 3 วัดต้นสังกัดไม่รับกลับ, รูปที่ 4 ไม่มีต้นสังกัดที่ชัดเจน ส่วนอีก 23 รูปอยู่ในระหว่างการตรวจสอบโดยระเอียด หลังจาการตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้วนั้นคณะสงฆ์ จ.ปทุมธานี มีคงามเห็นว่าให้ออกจากในพื้นที่ภายใน 3 วัน

จาการสอบถาม ทนายธีรวัฒน์ เหมมะรา ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเจ้าของที่ดิน กล่าวว่า ตนได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของที่ดินทั้ง 4 แปลงนี้ เนื้อที่ประมาณ 20 กว่าไร่ ที่ตนได้ข่าวมาว่าหุ้นส่วนของบริษัทนี้ได้อนุญาตให้พระเข้ามาพำนักอาศัยในที่ดินแปลงนี้เมื่อหลาย 10 ปีก่อน พอหนักเข้าพระก็เข้ามาในที่แห่งนี้จนเยอะ อีกอยากหุ้นส่วนที่ได้อนุญาตให้พระเข้ามาอยู่นั้นไม่มีอำนาจในพื้นที่แห่งนี้แต่อย่างใด ตนก็ไม่ทราบว่ามีเรื่องเงินทองหรือไม่ จะติดต่อหุ้นส่วนคนดังกล่าวก็ติดต่อไม่ได้เนื่องจากโดนร้องเรียนไปยังสภาทนายความอยู่ในเรื่องกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ทางบริษัทและตนก็พึ่งทราบว่าพระนั้นเข้ามาอาศัยและเยอะขนาดนี้และได้ทำการถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จากนั้นก็ได้ร้องเรียนไปยังเจ้าคณะตำบลวัดพวงแก้วและประสานงานไปสำนักพุทธศาสนา จ.ปทุมธานี ถ้าหากพระทั้ง 27 รูปยังเข้ามาพำนักอาศัยอีกก็ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด