เมื่อวันที่ 26 พ.ค.67 ที่ วัดเขาคันหอก หมู่ 9 ต.พังตรุ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี น.ส.จินตนา ดาบธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัทศิลาสมบูรณ์ทรัพย์ จำกัด และบริษัทเหมืองศิลาสยาม จำกัด ได้จัดกิจกรรมโครงการ “เหมืองแร่ปลอดภัย ห่วงใย ประชาชน“ ปีที่ 7 โดยมี พ.ต.อ.อนันต์ไพศาล แดงดอนไพร ผกก.สภ.สำรอง เป็นประธานเปิดกิจกรรม พร้อมด้วย น.ส.มาลินี น้อยนวล ปลัดอำเภอท่าม่วง , นางสาวพัฒนา อุดมกิจไพบูลย์ ผอ.รพ.สต.บ้านห้วยไร่ , คุณภาวินี แม้นทิม สวนไผ่คุณน้อยโรงโม่ศิลาเขาน้อย , คุณรุ่งนภา แก้วจู ตัวแทนฝ่ายเหมืองแร่ อุตสาหกรรม จ. กาญจนบุรี และชาวบ้านในพื้นร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคัก

สำหรับกิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้โครงการ CSR เป็นกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์ในการตรวจสุขภาพให้แก่ชาวบ้าน หมู่ 7 และหมู่ 9 ต.พังตรุ จำนวน 350 คน โดยมีการตรวจจากแพทย์และให้คำแนะนำ ดัชนีมวลกาย BMI วัดความดัน วัดระดับน้ำตาลในเลือด ตรวจหาไขมันในเส้นเลือด และเอ็กซเรย์ทรวงอก

หลังจากที่ชาวบ้านตรวจสุขภาพเรียบร้อยแล้ว ได้มีการรับประทานอาหารร่วมกัน พร้อมกับมีการเล่นเกมส์แจกของรางวัลกันอย่างสนุกสนานและสร้างเสียงหัวเราะให้กับชาวบ้าวที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมอีกด้วย

น.ส.จินตนา ดาบธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัทศิลาสมบูรณ์ทรัพย์ จำกัด และบริษัทเหมืองศิลาสยาม จำกัด เปิดเผยว่า โรงโม่ปลอดภัยห่วงใยชุมชนของบริษัทศิลาสยาม และโรงโม่หินศิลาสมบูรณ์ทรัพย์ ทำขึ้นมาแล้วประมาณ 7 ปี ซึ่งประมาณ 5 ปีได้มีกฎหมายออกมา ทางโรงโม่ของเราได้ทำมาก่อนหน้านี้แล้ว ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ก็ทำให้หน่วยงานอื่นๆ และภาครัฐได้ทราบด้วย ว่าทางโรงโม่ได้มีการทำอะไรเข้าไปบ้างแล้ว ทำให้กับชุมชน ให้กับส่วนรวม ซึ่งในส่วนนี้ทางเราได้มีการทำเพิ่มขึ้นมานอกเหนือจากการเอ็กซเรย์ ได้มีการเจาะเลือด ได้มีการตรวจความดันเบาหวาน ซึ่งส่วนใหญ่ประชาชนทุกคนจะรู้สึกว่าการที่โรงโม่อยู่ใกล้ชุมชน จะทำให้มีปัญหาในเรื่องทางด้านระบบลมหายใจ แต่เท่าที่ตรวจมายังไม่เคยมี ซึ่งทุกคนสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ซึ่งคุณหมอทางอนามัย ก็จะนำข้อมูลทั้งหมดนี้ ทำเป็นซีดีและทุกคนก็จะได้รับแผ่นซีดี และสมุดตรวจสุขภาพ โดยทั้งหมดนี้จะเข้าไปอยู่ที่โรงพยาบาลสุขภาพตำบล บ้านห้วยไร่ซึ่งจะเป็นดาต้าเบส ให้กับโรงพยาบาลในตำบลด้วย แล้วก็โรงพยาบาลที่ท่าม่วงแล้วก็ที่โรงพยาบาลท่ามะกา โดยการตรวจสุขภาพจะมีการทำต่อเนื่อง ซึ่งต่อไปก็จะมีกองทุนพัฒนาสุขภาพ แล้วก็จะมีการพัฒนาพื้นที่รอบๆเหมืองด้วย ซึ่งจะมีการใช้งบประมาณแตกต่างกันไป ซึ่งของเราก็ถือเป็นที่แรกๆ ของ จ.กาญจนบุรี ที่ทำโครงการนี้ขึ้นมา

สำหรับโรงโม่ของเราถูกก่อตั้งมากว่า 30 ปีแล้ว ในส่วนของวัดแห่งนี้ ก็อยู่ติดกับทางเหมืองก่อนหน้านี้เป็นสำนักสงฆ์อยู่ด้านหลัง ซึ่งตอนนี้ก็ได้ย้ายมาอยู่ข้างหน้าแล้ว ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือหลายภาคส่วนรวมไปถึงชาวบ้านในชุมชน แต่ในส่วนหนึ่งของโรงโม่ จะเป็นที่อยู่อาศัยของลิงจำนวนหนึ่ง และรอบๆเขา ซึ่งทางโรงโม่ได้มีการเลี้ยงมาโดยตลอด ซึ่งข้อมูลทั้งหมดก็จะมีรูปภาพ ส่งไปตามหน่วยงานต่างๆ ซึ่งข้างในก็จะมีโบราณสถาณ รวมไปถึงพระพุทธรูปซึ่งทางเราก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง หรือเข้าไปทำลาย ซึ่งหากเป็นแบบนั้นจริงทางโรงโม่ของเราก็อาจจะทำมาไม่ถึง 30 ปี และทั้งหมดนี้ได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ได้เข้ามาตรวจสอบหลายครั้ง ซึ่งก็ไม่พบการกระทำความผิดแต่อย่างใด.