ภูมิภาค
สนธยา พาเข้าวัด นมัสการพระเจ้าใหญ่อินทร์แปง พระคู่บ้าน คู่เมืองอุบลราชธานี
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
ช่วงนี้ เป็นช่วงฤดูฝน ฝนตกลงมาทั่วทุกพื้นที่ การเดินทางไปมาอาจไม่สะดวกบ้าง แม้แต่การไปทำกิจกรรมทางศาสนา ฝนก็เป็นอุปสรรค ทว่า พุทธศาสนิกชน ไม่เคยย่อท้อ ต่างกางร่มฝ่าสายฝน ไปเข้าวัดทำบุญทุกคน เพื่อส่งเสริมศาสนา โดยเฉพาะช่วงเข้าพรรษา จะพบเห็นตามวัดวาอาราม มีคณะกรรมการวัด ผู้ที่มีบ้านอยู่ใกล้วัด ช่วยกันทำความสะอาดบริเวณวัด ปรับปรุง ต่อเติม สถานที่ปฏิบัติธรรม ให้มั่นคงแข็งแรง มีความสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย เพื่อรอรับพุทธศาสนิกชน ญาติโยมทั้งหลาย ที่จะเดินทางเข้ามาปฏิบัติธรรม ให้มีความสุข
ที่วัดมหาวนาราม เช่นกัน ที่ผ่านมา ได้มีการปรับปรุง ซ่อมแซม ส่วนที่สึกหล่อ และผุพัง ให้ดีและแข็งแรง มีความสวยงาม เป็นที่เคารพและศรัทธา ของบรรดาพุทธศาสนิกชนและญาติโยมทั้งหลายอย่างยิ่ง สำหรับ วัดมหาวนาราม เป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ถนนสรรพสิทธิ์ประสงค์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี มีเจ้าอาวาสผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปแล้วหลายรุ่น มีเจ้าอาวาส 1 รูป พระสงฆ์ สามเณร แม่ชี มรรคนายก สังกัด มหานิกาย บนเนื้อที่ 50 ไร่ ประกอบด้วย กุฎิสงค์ ศาลาการเปรียญ อุโบสถ เป็นต้น
ทั้งนี้ วัดมหาวนารามเมื่อแรกสร้าง เป็นวัดสำคัญประจำเมืองฝ่ายอรัญวาสี หรือเป็นสำนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ทั้งนี้เมื่อครั้งสร้างเมืองอุบลราชธานี โดยพระปทุมวรราชสุริยวงศ์(ท้าวคำผง) เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนที่ 1. ได้สร้างเมืองขึ้นเมื่อ พ.ศ.2295 ที่บริเวณริมฝั่งลำน้ำมูล ใกล้กับ ดงอู่ผึ้ง ในการสร้างเมืองครั้งนี้ มีการสร้างวัดประจำเมืองริมฝั่งแม่น้ำมูล ตั้งชื่อว่า “ วัดหลวง “ เพื่อให้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาและการทำบุญทำกุศลของชาวเมือง วัดนี้ จึงเป็นวัดแรกของเมืองอุบลราชธานี เมื่อสร้างวัดสำเร็จเรียบร้อยแล้ว ได้นิมนต์พระมหาเถระผู้ใหญ่ คือ พระธรรมโชติวงศา พร้อมทั้งพระภิกษุสามเณร มาจำพรรษา เป็นหลักสำคัญของวัดนี้ เพื่อสนองศรัทธาประชาชน
พระธรรมโชติวงศาเห็นว่า วัดหลวงเป็นวัดบ้านหรือ “ ฝ่ายคามวาสี “ ตั้งอยู่ในกลางเมือง ไปเหมาะแก่การปฏิบัติสมณะธรรมวิปัสสนากรรมฐาน จึงแสวงหาสถานที่ปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนากรรมฐานใหม่ โดยได้พิจารณาเห็นว่า ป่าดงอู่ผึ้ง ที่อยู่ห่างจากวัดหลวงไปทางเหนือประมาณ 100 เส้น มีหนองน้ำ ชื่อ “ หนองสะพัง “ เป็นสถานที่เหมาะสม เพราะมีน้ำท่าอุดมและสงบสงัดวิเวก เป็นที่เหมะแก่การปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน หรือฝ่ายอรัญวาสี จึงได้ก่อตั้งขึ้นเป็นสำนักสงฆ์ ชื่อว่า “ วัดป่าหลวงมณีโชติสวัสดิ์ “ เพื่อให้คู่กับวัดหลวงที่เคยตั้งมาก่อนแล้วนั้น และวัดนี้ เป็นวัดประจำเมืองแห่งที่สอง แต่การตั้งวัดแห่งใหม่ ยังไม่ทันแล้วเสร็จ พระปทุมวรราชสุริยวงศ์(ท้าวคำผง) เจ้าเมือง ได้ถึงแก่อนิจกรรมเสียก่อน
ต่อมา พระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (ท้าวทิศพรหม) ได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานี จนกระทั่งปี พ.ศ. 2348 พระพรหมวรราชสุริยวงศ์ ได้ก่อสร้างวิหารในวัดป่าหลวงมณีโชติศรีสวัสดิ์ ถัดมาอีก 2 ปี พ.ศ. 2350 พระมหาราชครูศรีสัทธรรมวงศา ได้เป็นผู้นำศิษยานุศิษย์และญาติโยมก่อสร้างพระพุทธรูปประธานในวิหารและขนานนามพระพุทธรูปพระประธานองค์ใหญ่นี้ว่า “ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปง “ ด้วยเมตตาบารมีอันเข้มขลังของพระมหาราชครูศรีสัทธรรมวงศาสร้างและพุทธาภิเษกเบิกพระเนตร พระเจ้าใหญ่อินทร์แปง มีความขลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระพุทธรูปวิเศษ ที่คนและเทพยดารักษาและเคารพเลื่อมใสเป็นมงคลแก่บ้านเมืองอุบลราชธานี ไม่แพ้ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปงที่เคยมีมาก่อน
พระเจ้าใหญ่อินทร์แปง มีขื่อเรียกตามภาษาโบราณว่า พระเจ้าใหญ่อินแปง อิน หมายถึง พระอินทร์ แปง คือ ทำหรือสร้าง เช่น คำว่า สร้างบ้านแปงเมือง พระเจ้าใหญ๋อินแปง จึงหมายถึง พระพุทธรูปองค์ใหญ่หรือขนาดใหญ่ ที่พระอินทร์สร้าง และอีกองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ที่ วัดอินแปงมหาวิหาร นครเวียงจันทร์ ประเทศสาธารรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีอายุกว่า 1 พันปี ส่วนอีกองค์ ประดิษฐานอยู่ที่ วัดอินทร์แปง อ.เมือง จ.นครพนม เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่รุ่นเดียวกันกับองค์ที่อยู่เวียงจันทร์ สำหรับ พระเจ้าใหญ่อินทร์แปง ที่วัดมหาวานาราม มีอายุกว่า 200 ปี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ก่ออิฐถือปูนและลงรักปิดทอง และเป็นพุทธรูปแบบศิลปะลาว มีหน้าตักกว้าง 3 เมตร สูงจากอาสนะถึงเปลวพระโมรี 5 เมตร พระเจ้าใหญ่อินทร์แปง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้าน คู่เมือง อุบลราชธานี ที่ชาวอุบลราชธานีเคารพนับถือมาก ในอดีต เมื่อมีความขัดแย้งกัน ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน จะพากันมาสาบานต่อหน้า พระเจ้าใหญ่อินทร์แปง ด้วยความเชื่อถือในความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ทำผิดคำสาบานจะมีอันเป็นไปต่างๆนาๆ
ส่วนการขอพรให้ได้ผลในเรื่องต่างๆ ขอให้ประสบความสำเร็จในชีวิตและการทำงาน มีผู้เข้ามาขอเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะข้าราชการ นักธุรกิจ พ่อค้า แม่ค้า ที่โยกย้ายมาทำงานในจังหวัดอุบลราชธานี ต้องเข้ามากราบไหว้บอกกล่าวขอพรและขอความเป็นสิริมงคลในการทำงานประกอบอาชีพด้วยความสำเร็จและราบรื่น ก่อนเดินทางกลับควรแวะกราบไหว้ฟังธรรมเทศนากับเจ้าอาวาสวัดมหาวนาราม หรือ วัดป่าใหญ่ โดยมการเทศนาสั่งสอนญาติโยม พุทธศาสนิกชนทั้งหลายที่ว่า ให้ใช้ สังคาวัตถุ 4 คือ 1. ทาน 2.ปิยะวาจา 3. อรรถจริยา 4 . สมานตะตา สรุปโดยย่อก็คือ 1. โอบอ้อมอารีย์ 2. วจีไพเราะ 3.สงเคราะห์ชุมชน 4. เสมอต้นเสมอปลาย หลัก 4 อย่างนี้ เป็นธรรมที่ยึดเหนี่ยวซึ่งกันและกัน เพราะว่า คนเราถ้าไม่มีการให้ ก็ไม่มีวันนี้ ให้ก็คือ พ่อแม่ ให้ชีวิตเรา วจีไพเราะ ก็คือ สังคมที่จะอยู่กันได้ ก็ต้องพูดจาเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน พูดในเรื่องที่ดี คิดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ส่วนอรรถจริยา ก็คือ ประพฤติตนให้สมควรให้เป็นประโยชน์ และสมานตะตา คือ ทำตนให้เสมอต้นเสมอปลาย เป็นอะไรก็ให้เป็นอย่างนั้น ถ้าได้ตำแหน่งสูงขึ้นมา แล้วลืมพี่ ลืมน้อง อย่างนั้นก็ไม่ได้ ก็ให้ประพฤติตนตามหลัก 4 หลัก
และ ขอให้สังคมได้อยู่ร่วมกันเป็นพี่เป็นน้องกันและอยู่อย่างมีความสุข ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า การที่จะอยู่ร่วมกันต้องมี เมตตากายกรรม เมตตาวจีกรรม และเมตตามโนกรรม ถ้าทุกคนตั้งทั้ง 3 อย่างนี้ ในหมู่พวก ในหมู่เพื่อน จะทำให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุขนั่นเอง
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » ภูมิภาค
Top 5 ข่าวภูมิภาค
![]()
- มวลอากาศเย็นจ่ออีสาน อุณหภูมิลด ลมแรง ภาคใต้ยังเจอฝน 13 ธ.ค. 2568
- ฝูงม้าหลุดคอกวิ่งตัดเพชรเกษม รถเก๋งชนดับ 2 เจ็บ 3 13 ธ.ค. 2568
- อบจ.อุบลฯ ชวนร่วมกิจกรรมดู ฝนดาวตกเจมินิดส์ ลอดอุโมงค์ข้ามกาลเวลา สัมผัสมนต์เสน่ห์ท้องฟ้าผาแต้มยามค่ำคืน 13 ธ.ค. 2568
- F-16 ทิ้งระเบิด 3 ระลอก ทำลายสะพานจัยจุมเนี้ยะ ตัดเส้นทางลำเลียงชายแดนตราด 13 ธ.ค. 2568
- รถพ่วงชนท้ายรถคนงาน เจ็บ 16 ราย 13 ธ.ค. 2568
ข่าวในหมวดภูมิภาค
![]()
สุพรรณบุรี พ่อแม่ “ผักบุ้ง” ภูมิใจ ลูกชายพลีชีพปกป้องอธิปไตยชาติ 22:25 น.- ร้อยเอ็ด จัดพิธีพระราชทานเพลิงศพทหารกล้า "จ.ส.อ. ศตวรรษ สุจริต" อย่างสมเกียรติ มท.1 ประธานฯ 22:13 น.
- ศรีสะเกษจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ “พลทหารเทิดศักดิ์ ศรีลาชัย” วีรชนชายแดนไทย–กัมพูชา 22:08 น.
- F-16 ทิ้งระเบิดซ้ำ! สะพานจัยจุมเนี้ยะขาด 21:52 น.
- ช้างป่าอ่างฤาไนบุกยุ้งข้าว กรมอุทยานฯ เร่งแผนคุมกำเนิด 21:40 น.


