บริเวณริมฝั่งน้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม ดร.ถนอม ทาทอง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม พร้อมด้วย อาจารย์เสนอ ลาภะ ศิลปินเรือไฟ และทีมเรือไฟมหาวิทยาลัยนครพนม ร่วมสืบสานประเพณีไหลเรือไฟ นำดอกไม้ธูปเทียนจัดเป็นขันธ์ 5 กล่าวคำบูชา ขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงพญานาคเจ้าแห่งบาดาลในแม่น้ำโขง ก่อนที่จะเริ่มจุดตะเกียงไฟ เรือไฟโชว์ ตามประเพณีความเชื่อ สื่อถึงความศรัทธาต่อน้ำโขง รวมถึงเป็นการสืบสานประเพณีโบราณ

โดยปีนี้มหาวิทยาลัยนครพนม ได้ร่วมจัดสร้างเรือไฟไหลโชว์ ขนาดความยาว 40 เมตร สูง 20 เมตร ใช้ตะเกียงไฟเกือบ 5,000 ดวง ใช้งบประมาณสร้างมากกว่า 4 แสนบาท โดยไหลสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกับเรือไฟโชว์ของหน่วยงานอื่นรวม 3 วัน คือวันที่ 8 ตุลาคมเป็นวันแรก ตามด้วยวันที่ 11 กับ วันที่ 15 ตุลาคม อีกทั้งยังเป็นการสร้างจิตสำนึกให้แก่นักศึกษา กลุ่มทีมสร้างเรือไฟ ได้มีส่วนร่วมในการสืบสานประเพณีท้องถิ่น ตามนโยบายการพัฒนาการศึกษา  ด้านการส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณีท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยนครพนม 

ส่วนลวดลายจะเน้นสัญลักษณ์สำคัญของ จ.นครพนม ประกอบด้วย องค์พระธาตุพนม ไปจนถึงสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด จัดได้ว่าสวยงาม อลังการ รวมถึงมีเรือไฟโชว์ของ อบจ.นครพนม สนับสนุนอีก 1 ลำ เป็นการดึงดูดเรียกน้ำย่อยรับการท่องเที่ยว เป็นวันแรกของเทศกาลวันออกพรรษาไหลเรือไฟและงานกาชาด จ.นครพนม ประจำปี 2567 ระหว่างวันที่ 8-18 ตุลาคม รวม 11 วัน 11 คืน

นอกจากนี้ยังมี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครพนม โดย นางสาวเสาวนีย์ คนกล้า ผอ.ททท.นครพนม สนับสนุนจัดเรือไฟโบราณ ประดับตกแต่งด้วยไฟแอลอีดี เป็นการจำลองเรือไฟมีพระธาตุประจำวัดเกิด 8 พระธาตุ รวม 8 ลำ เป็นการสืบสานประเพณีลอยเรือไฟโบราณ เสริมสิริมงคล สร้างความตื่นตากลางลำน้ำโขง ส่วนไฮท์ไลน์ของงานจะมีขึ้นในคืนเดือนเพ็ญวันออกพรรษา วันที่ 17 ตุลาคม 2567 จะมีการประกวดเรือไฟยักษ์ชิงถ้วยพระราชทานรวม 12 ลำ จากกลุ่มศิลปินเรือไฟทั้ง 12 อำเภอ คาดว่าจะมีประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย ชาวลาว เข้ามาในพื้นที่ไม่ต่ำกว่าแสนคน

ด้าน ดร.ถนอม ทาทอง รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม เปิดเผยว่า การสนับสนุนสร้างเรือไฟโชว์ ถือเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมของมหาวิทยาลัยนครพนม ร่วมกับชาวบ้านทั้ง 12 อำเภอ  การประกอบพิธีบูชาเรือไฟ บูชาน้ำโขง รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพญานาค ถือเป็นการสืบสานประเพณีความเชื่อ ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว สำคัญที่สุดนอกจากความสวยงาม อลังการแล้ว เสน่ห์ของเรือไฟคือการจุดตะเกียงจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นกระป๋องกาแฟสำเร็จรูปซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้ เติมด้วยน้ำมันเพลิงผสมกับสูตรเฉพาะของศิลปินผู้สร้างเรือไฟ ที่เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้าน สิ่งสำคัญก่อนที่จะเกิดความสวยงาม เรือไฟจะต้องจะจุดตะเกียงไฟ ทีละดวงจนครบ โดยเรือไฟโชว์มหาวิทยาลัยนครพนม ต้องใช้ตะเกียงกว่า 5,000 ดวง ต้องใช้แรงงานประมาณ 10 คนไล่จุดทีละดวงนานนับชั่วโมง จนครบก่อนไหล 5,000 ดวง ปล่อยไหลกลางลำน้ำโขง เพื่อบูชาแม่คงคา  พญานาค สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแม่น้ำโขง สื่อถึงความสามัคคี การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน จนกลายเป็นประเพณีส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สำคัญระดับโลก