วันเสาร์ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 11:27 น.

ภูมิภาค

ซุ้มประตูแห่งความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม 100 ปี “ถนนเวียดนามทาวน์” แลนด์มาร์คสำคัญลูกหลานโฮจิมินห์

วันศุกร์ ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2567, 10.47 น.

ที่บริเวณสามแยกถนนธำรงประสิทธิ์ตัดกับถนนนิตโย เขตเทศบาลเมืองนครพนม นางรณิดา เหลืองฐิติสกุล รอง ผวจ.นครพนม รักษาราชการแทน ผวจ.นครพนม เป็นประธานร่วมกับท่านเหงียน แหม่งดง รองประธานคณะกรรมการแห่งรัฐว่าด้วยกิจการชาวเวียดนามในต่างประเทศ ในพิธีเปิดซุ้มประตูถนนวัฒนธรรมไทย - เวียดนาม หรือเวียดนามทาวน์ (Vietnam Town) โดยมีท่านฝ่ามเหวียดหุ่ง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย  ท่านเหงียนหง็อกถิ่น นายกสมาคมชาวเวียดนามแห่งประเทศไทย นายศิวรัตน์ ตันติพิพัฒกุลชัย นายกสมาคมไทย-เวียดนามจังหวัดนครพนม รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) องค์กรภาคเอกชน และประชาชนคนไทยเชื้อสายเวียดนาม ร่วมในพิธีดังกล่าวคับคั่ง เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา

นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม ได้กล่าวถึงประวัติความเป็นมา ระหว่างไทยและเวียดนาม โดยเฉพาะจังหวัดนครพนมนั้นมีความสัมพันธ์อันยาวนานมากว่า 100 ปี ทั้งด้านการค้า การลงทุน การเมืองการปกครอง และการต่างประเทศ ทั้งนี้ จ.นครพนมเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ชาวเวียดนามได้อพยพเข้ามาอยู่อาศัย โดยเฉพาะบริเวณบ้านนาจอก ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ถือเป็นหมู่บ้านประวัติศาสตร์ที่ครั้งหนึ่งระหว่างปี พ.ศ.2466-2474 เป็นเวลาถึง 8 ปี ที่ประธานโฮจิมินห์ ผู้นำชาวเวียดนามได้มาพำนักและใช้เป็นฐานที่มั่นในการวางแผน กอบกู้ชาติจนประสบความสำเร็จ

หลังจากท่านประธานโฮจิมินห์ กอบกู้ชาติรวมเวียดนามเหนือและใต้ เป็นปึกแผ่นเดียวกันได้สำเร็จ  ต่อมาในปี พ.ศ.2503 ชาวเวียดนามจำนวนหนึ่ง ก็ได้หวนคืนกลับสู่มาตุภูมิ และเพื่อรำลึกถึงบุญคุณของแผ่นดินไทย และพี่น้องชาวไทยที่ได้ให้การช่วยเหลือชาวเวียดนามอพยพ ในช่วงที่ฝรั่งเศสนักล่าอาณานิคม ได้ตามราวีคนเวียดนามทิ้งระเบิดเข่นฆ่า จนแม่น้ำโขงกลายเป็นสีเลือด ชาวเวียดนามต้องสังเวยความบ้าคลั่งในครั้งนั้นนับร้อยชีวิต ดังนั้นการก่อสร้างอนุสรณ์สถานนี้ ก็เพื่อรำลึกถึงวันที่อพยพมาเมืองไทย จึงร่วมใจกันสร้างหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ขึ้นใน จ.นครพนม บริเวณริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2503 ใช้เวลาก่อสร้าง 3 เดือนจึงแล้วเสร็จ ด้วยเงินบริจาคของชมรมชาวเวียดนามที่อาศัยในประเทศไทยในตอนนั้น

นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม กล่าวต่อว่าและเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-เวียดนามให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ต่อมาได้มีส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนม และสนับสนุนให้ประชาชนในชุมชน มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึก รัฐบาลไทยและรัฐบาลเวียดนามจึงได้มีโครงการหมู่บ้านมิตรภาพไทย – เวียดนามขึ้นในพื้นที่บ้านนาจอก

สำหรับโครงการก่อสร้างซุ้มประตู ไทย – เวียดนาม หรือเวียดนามทาวน์ ใช้งบประมาณเทศบาลเมืองนครพนม ตามเทศบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 แผนงานสร้างความเข้มแข็งของชุมชน งานบริหารทั่วไปเกี่ยวกับสร้างความเข้มแข็งของชุมชน จำนวนเงินงบประมาณทั้งสิ้น 490,000 บาท (สี่แสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) มีขนาดความกว้าง 11.80 เมตร ความสูงใต้คานซุ้มประตู 5.50 เมตร ความสูงถึงหลังคา 11.45 เมตร โดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2566 มีวัตถุประสงค์ในการจัดทำโครงการก่อสร้าง เพื่อให้มีซุ้มประตูไทย - เวียดนาม บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ อัตลักษณ์ของย่านถนนธำรงค์ประสิทธิ์ ที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมา ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยและเวียดนาม ให้เป็นแลนด์มาร์คที่ดึงดูดและสร้างความประทับใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อเกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของถนนธำรงประสิทธิ์ ย่านชุมชนวัดโอกาส และชุมชนใกล้เคียง และเพื่อพัฒนาเมืองนครพนมสู่หมุดหมายเมืองเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) เป็นต้น

ด้าน นางรณิดา เหลืองฐิติสกุล รอง ผวจ.นครพนม รักษาราชการแทน ผวจ.นครพนม กล่าวว่าหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ปัจจุบันเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัด ที่ใช้ในการจัดกิจกรรมเทศกาลงานประเพณีที่หลากหลาย โดยเฉพาะงาน Winter Festival ในส่วนของวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการก่อสร้างซุ้มประตูถนนวัฒนธรรม ไทย-เวียดนาม ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่ จ.นครพนม จะมีอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่บ่งบอกถึงอัตลักษณ์ ประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อดึงดูดและสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ตลอดจนเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนในเขตเทศบาลเมืองนครพนม นำไปสู่การพัฒนาเมืองนครพนมเป็นเมืองเศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) เพื่อยกระดับเป็นนครการท่องเที่ยวแห่งภูมิภาคในอนาคตอันใกล้ต่อไป

ทางด้าน ท่านเหงียน แหม่งดง รองประธานคณะกรรมการแห่งรัฐว่าด้วยกิจการชาวเวียดนามในต่างประเทศ ได้กล่าวในนามคณะกรรมการแห่งรัฐว่าด้วยกิจการชาวเวียดนามในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ขอเป็นตัวแทนท่านบุย ทันห์ เซิน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม และท่านเล ถิ ทู หั่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ประธานคณะกรรมการแห่งรัฐว่าด้วยกิจการชาวเวียดนามในต่างประเทศ ขอแสดงความยินดีเป็นอย่างสูง สำหรับพิธีการที่มีความหมายอย่างยิ่งในวันนี้   อีกทั้งขอเป็นตัวแทนในการส่งมอบน้ำใจไมตรีอันลึกซึ้งจากผู้นำกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามมายังท่านผู้บริหารจังหวัดนครพนม และพี่น้องชาวไทยเชื้อสายเวียดนามทุกคน

“สำหรับชาวเวียดนามนั้น ทุกครั้งที่เอ่ยถึงราชอาณาจักรไทย ทุกคนต่างระลึกถึงพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) โดยเฉพาะจังหวัดต่าง ๆ เช่น นครพนม อุดรธานี ฯลฯ อันเป็นสถานที่สำคัญซึ่งประธานโฮจิมินห์ ในฐานะวีรบุรุษของชาติ และบุคคลสำคัญทางวัฒนธรรมขององค์การ UNESCO ผู้ซึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่และมีความผูกพันใกล้ชิดกับผืนแผ่นดินแห่งนี้  ดังนั้น พิธีเปิดซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-เวียดนามในวันนี้ จะจารึกไว้ซึ่งความรู้สึกแห่งมิตรภาพอันงดงามภายใต้ความทรงจำของชาวเวียดนามทุกคน อีกทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์และไมตรีจิตรระหว่างทั้งสองประเทศ รวมถึงประชาชนชาวเวียดนามและชาวไทย”

ท่านเหงียนหง็อกถิ่น นายกสมาคมชาวเวียดนามแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าชาวเวียดนามส่วนใหญ่ ในภาคอีสานของไทยรวมถึง จ.นครพนมได้เกิดและเติบโตในผืนแผ่นดินแห่งนี้ โดยได้รับการสนับสนุน การคุ้มครอง และการอำนวยความสะดวกจากรัฐบาล และประชาชนชาวไทย ส่งผลให้ชุมชนชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม มีชีวิตที่มั่นคงและกิจการเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น  ชุมชนชาวไทยเชื้อสายเวียดนามตระหนักอยู่เสมอว่า จะต้องร่วมแรงร่วมใจกับประชาชนในท้องถิ่น เพื่อสรรค์สร้างผืนแผ่นดินแห่งนี้ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ตามจิตวิญญาณของชาวเวียดนาม ที่ไม่เคยลืมเลือนผู้มีพระคุณที่ให้ความช่วยเหลือยากตกทุกข์ได้ยาก

“ชุมชนชาวไทยเชื้อสายเวียดนามในประเทศไทย ไม่เพียงแต่จะอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมของตนเท่านั้น แต่ยังมีส่วนร่วมในการพัฒนาและเสริมสร้างวัฒนธรรมท้องถิ่น ให้เกิดความรุ่งเรืองขึ้นอีกด้วย ซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-เวียดนามที่ได้ทำพิธีเปิดในวันนี้ ถือเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม  ซุ้มประตูแห่งนี้คงจะเกิดขึ้นมิได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนทางด้านงบประมาณ ข้อกฎหมาย รวมถึงน้ำใจไมตรีจาก จ.นครพนมและรัฐบาลไทย  ในนามคณะกรรมการแห่งรัฐว่าด้วยกิจการชาวเวียดนามในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ มายังรัฐบาลไทยและจังหวัดนครพนม ที่ไม่เพียงจะสร้างบรรยากาศอันเอื้ออำนวยให้ชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ได้ดำเนินชีวิตและประกอบธุรกิจเท่านั้น แต่ท่านยังได้รักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างไทย-เวียดนามอีกด้วย”

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-เวียดนามแห่งนี้ จะเป็นหมุดหมายทางการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติ ชาวไทยและชาวเวียดนามได้เดินทางมาสัมผัสวิถีวัฒนธรรมอันผสมผสานระหว่างไทยและเวียดนาม รวมถึงมิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศ และร่วมส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดนครพนม ผมมีความซาบซึ้งในความมุ่งมั่นของชุมชนชาวเวียดนามในจังหวัดนครพนม ที่ได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์รวมถึงแรงกาย ในการสร้างประตูวัฒนธรรมไทย-เวียดนาม ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างความรุ่งเรืองให้แก่วัฒนธรรมท้องถิ่น หวังว่าชุมชนชาวเวียดนามใน จ.นครพนม จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานท้องถิ่นของไทย ในการส่งเสริมคุณค่าของซุ้มประตูวัฒนธรรมไทย-เวียดนาม เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพแล้ว ยังเป็นพื้นที่แห่งการผสมผสานอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของทั้งสองชาติให้เกิดความรุ่งเรือง และให้มิตรภาพระหว่างเวียดนามและไทย ผลิดอกออกผลงดงามบานสะพรั่งสืบไป”

หน้าแรก » ภูมิภาค