วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568 02:44 น.

ภูมิภาค

ปค.สุพรรณบุรีบุกจับ “อึ่ง ไผ่ขวาง” พ่อค้ายาบ้าขณะก๊งเหล้า

วันพุธ ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2567, 08.35 น.

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ขยายวงกว้างทำให้ประชากร ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน ตกเป็นทาสยาเสพติดกันจำนวนมากโดยเฉพาะพื้นที่ชุมชนวัดไผ่ขวางมีพ่อค้ายาเสพติดเปิดบ้านติดกับรั้วโรงเรียนขายยาเสพติดให้วัยรุ่นและชาวบ้านที่ใช้แรงงานทั่วไปแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย


ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสุพรรณบุรี (ชุดไกรสีห์)โดยนายหมวดเอก ธรรศ ศรีดุษฎี ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน.ชุดมังกร 27 ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เข้าตรวจสอบพบว่าพ่อค้ายาบ้าคนดังกล่าวชื่อนายกิตติศักดิ์ อายุ 43 ปีหรือที่รู้จักกันในชื่อวงการยาบ้าคือ “อึ่ง ไผ่ขวาง” จึงวางแผนส่งสายลับเข้าทำการล่อซื้อยาบ้าจากนายอึ่งจำนวน 2 ลูก 4,000 เม็ด ราคามัดละ 19,000 บาทรวมเป็นเงิน 38,000 บาท ตกลงนัดรับยาบ้ากันที่บ้านพักติดกับรั้วโรงเรียน

 


กระทั่งเวลา 01.50 น.ได้เวลานัดหมายเจ้าหน้าที่ชุดไกรสีห์ จึงทำการถ่ายสำเนาธนบัตรที่ใช้ทำการล่อซื้อไว้เป็นหลักฐานก่อนมอบให้สายลับนำไปจ่ายเป็นค่ายาบ้า โดยก่อนเข้าไปรับยาบ้าสายลับได้โทรหานายกิตติศักดิ์ บอกกำลังจะเข้าไปเอายาบ้าทางนายกิตติศักดิ์ ได้ให้สายลับซื้อเหล้าไปให้อีก 1 แบนพร้อมโซดา 6 ขวด จากนั้นกำลังชุดไกรสีห์ และ กำลังชุดมังกร 27 ได้วางกำลังไว้ใกล้บ้านของพ่อค้ายาบ้ากระทั่งสายลับทำการล่อซื้อได้ของกลางแล้วเจ้าหน้าที่ที่ซุ่มอยู่จึงบุกเข้าจู่โจมแบบไม่ให้ตั้งตัวเนื่องจากนายกิตติศักดิ์ หรืออึ่ง ไม่ได้ปิดประตูบ้านทำให้เจ้าหน้าที่จึงบุกเข้าไปควบคุมตัวได้อย่างง่ายดาย เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปถึงในบ้านพบนายกิตติศักดิ์ กำลังนั่งดื่มเหล้าอย่างสบายใจแบบชิวๆ โดยเปิดเพลงวิชาแพะ ของวงคาราบาวฟังอย่างสบายใจ และไม่มีอาการตกใจแต่อย่างใด


เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้นายกิตติศักดิ์ นั่งอยู่เฉยๆ เพื่อจะทำการตรวจค้นระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้นอยู่นั้นนายกิตติศักดิ์ ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่าขอดื่มเหล้าที่เหลือวางอยู่บนโต๊ะ ให้หมดเพื่อย้อมใจ แต่โซดาหมดเจ้าหน้าที่ปกครองไม่ขัดใจได้เปิดโซดาเทใส่แก้วให้ 1 แก้ว จากนั้นได้สอบถามนายกิตติศักดิ์ ว่ายังมียาบ้าอีกหรือไม่นายกิตติศักดิ์ ตอบว่าไม่มีหมดแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อจึงทำการตรวจค้นแต่ก็ไม่พบยาบ้าเพิ่มแต่อย่างใด

 


 

จากการสอบสวนนายกิตติศักดิ์ รับสารภาพว่ายาบ้าดังกล่าวเป็นของตนเองสั่งซื้อมาจากเอเย่นต์ยาบ้าในพื้นที่ตัวเมืองสุพรรณแต่บอกชื่อไม่ได้ตนเคยถูกจับคดีบุกรุก หลังพ้นโทษก็หันมาเสพยาเพราะมีพวกเอามาให้เสพแต่ส่วนมากตนจะดื่มเหล้ามากกว่า และตนเพิ่งจะขายยาบ้าครั้งแรก ก็ถูกจับสาเหตุที่ตนขายยาบ้าเพราะได้เงินดี และได้ง่ายตนไม่อยากขอเงินพ่อแม่ใช้ อยากหาเงินด้วยตัวเอง


แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อคำให้การเพราะตามข้อมูลแล้วนายกิตติศักดิ์ คนนี้เป็นพ่อค้ายาบ้าที่มีระดับในพื้นที่ จึงควบคุมไปสอบสวนขยายผลต่อที่ ก่อนที่จะคุมตัวไปขยายผลเจ้าหน้าที่ได้แวะไปบอกแม่ นายกิตติศักดิ์ ให้ทราบว่าลูกชายถูกจับคดีขายยาเสพติด แม่นายกิตติศักดิ์ บอกว่าเคยบอกเคยเตือนแล้วแต่ลูกไม่เชื่อฟังเป็นคนหัวดื้อ กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่จับดังกล่าว ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย ทำผิดต้องรับโทษ


เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวว่า จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยการขายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยผิดกฎหมาย

หน้าแรก » ภูมิภาค