ภูมิภาค
ไปกราบไหว้หุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ชา และสัมผัสผืนป่าแหล่งธรรม ที่วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

วัดหนองป่าพง ตั้งอยู่ที่บ้านพงสว่าง หมู่10 ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เป็นวัดป่าฝ่ายอรัญวาสี มีพื้นที่ป่าภายในเขตกำแพงวัด 186 ไร่ 3 งาน เศษๆ เป็นสำนักปฏิบัติธรรม ที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติ อันสงบและร่มเย็น ก่อตั้งโดยหลวงปู่ชา สุภัทโท และเป็นต้นแบบของวัดป่าสายหลวงปู่ชา อีกกว่า 100 แห่งทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ภายในบริเวณวัดมีพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจัดแสดงเครื่องอัฐบริขาร และหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ชา และยังมีเจดีย์ศรีโพธิญาณ ซึ่งเป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ชา
ความเป็นมาของ วัดหนองป่าพง กล่าวคือ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2497 (ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง) พระโพธิญาณเถร(ชา สุภทฺโท) ท่านได้เดินธุดงค์มาถึง “ดงป่าพง”ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านก่อไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 3 กิโลเมตร พร้อมด้วยลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง เมื่อเดินทางมาถึง ก็ได้ทำการปักกลดเรียงรายอยู่ตามชายป่าประมาณ 5-6 แห่ง ดงป่าพงในสมัยนั้น มีสภาพเป็นป่าทึบรกร้าง ชุกชุมด้วยไข้ป่า มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด ชาวบ้านเรียกดงดิบนี้ว่า “หนองป่าพง” เพราะใจกลางป่ามีหนองน้ำใหญ่ที่มีกอพงขึ้นอยู่หนาแน่น
ต่อมาบริเวณผืนป่าส่วนใหญ่ถูกทำลายหมดไป ยังคงเหลือเพียงส่วนที่เป็นบริเวณของวัดในปัจจุบันเท่านั้น สาเหตุที่ป่าส่วนนี้ไม่ถูกบุกรุกถากถาง เพราะชาวบ้านเชื่อถือกันว่า มีอำนาจลึกลับแฝงเร้นอยู่ในดงนั้น เพราะปรากฏอยู่เสมอว่า คนที่เข้าไปทำไร่ตัดไม้หรือล่าสัตว์ เมื่อกลับออกมามักมีอันต้องล้มตายไปทุกราย โดยที่หาสาเหตุไม่ได้ ชาวบ้านจึงพากันเกรงกลัวภัยมืดนั้น ไม่มีใครกล้าเข้าไปทำลาย หรืออาศัยทำกินในป่านี้เลยดงป่าพงจึงดำรงความเป็นอยู่อย่างสมบูรณ์ ชื่อ “วัดหนองป่าพง” นี้ เป็นชื่อที่หลวงพ่อคิดตั้งขึ้นเอง โดยอาศัยสภาพภูมิประเทศเป็นหลัก แต่ชื่อที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากก็คือ “ วัดป่าพง” โดยระยะแรกๆ หลวงปู่ชา สุภทฺโท และลูกศิษย์ต้องต่อสู้อย่างเด็ดเดี่ยวกับไข้ป่า ซึ่งขณะนั้นชุกชุมมาก เพราะเป็นป่าทึบ ยามพระเณรป่วย หายารักษายาก ต้องต้มบอระเพ็ดฉันพอประทังไปตามมีตามเกิด โดยที่ท่านไม่ยอมขอความช่วยเหลือเลย เพราะว่า ท่านต้องการให้ผู้ที่มาพบเห็นด้วยตา แล้วเกิดความเลื่อมใสเอง หลวงพ่อสอนอยู่เสมอว่า พระไปยุ่งกับการหาเงินก่อสร้างวัด เป็นสิ่งน่าเกลียด แต่ให้พระสร้างคน คนจะสร้างวัดเอง
วัดหนองป่าพง จากวัดเล็กๆที่มีบรรณศาลา หรือกระท่อมไม่กี่หลัง จึงได้มีสิ่งก่อสร้างอันควรแก่สมณวิสัยเพิ่มเติม จนพอแก่ความต้องการในปัจจุบัน ทั้งที่พักอาศัยของภิกษุ ภิกษุณี สามเณร อุบาสก อุบาสิกาที่มาค้างแรมเพื่อปฏิบัติธรรม กระท่อมชั่วคราว ได้กลายมาเป็นกุฏิถาวรจำนวนมาก ศาลามุงหญ้า ซึ่งเคยใช้เป็นที่ฉันและแสดงธรรม ได้เปลี่ยนมาเป็นศาลาและโรงฉันอันถาวร กำแพงวัด หอระฆังเสนาเสนาะอื่นๆ ได้เพิ่มมากขึ้นจากแรงศรัทธา ความเลื่อมใสนั้นเอง ชีวิตพระในวัดหนองป่าพง มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การประพฤติพรหมจรรย์ตามรอยพระยุคลบาท ของพระบรมศาสดา ที่ทรงดำรงพระชนม์ชีพอย่างสงบเงียบ และเรียบง่ายภายในป่า เพื่อค้นคว้าแสวงหาทางพ้นทุกข์ แล้วทรงนำความรู้แจ้งเห็นจริงนั้น มาเผยแผ่เกื้อกูลความสุขแก่มหาชนทั่วไป การดำเนินชีวิตในวัดหนองป่าพง ยึดหลักพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ เป็นแนวทางปฏิบัติฝึกหัดกายวาจาใจในชีวิตประจำวัน เน้นการศึกษาประพฤติ ปฏิบัติให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในศีล สมาธิ ปัญญา พร้อมทั้งนำธุดงควัตร 13 วัตร 14 และกำหนดกฎกติการะเบียบต่างๆ มาผสมผสานเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมการบำเพ็ญสมณธรรมให้ดำเนินไปด้วยดี และมีความละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น
แนวทางการปฏิบัติและธรรมชาติอันสงบและบริสุทธิ์ของป่าภายในภายในวัดหนองป่าพง เป็นปัจจัยสำคัญ ส่งเสริมให้การดำรงชีวิตของพระภิกษุ เป็นไปด้วยความเรียบง่ายสอดคล้องกับธรรมชาติ และประสานกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่คณะ ตามแบบของพระธุดงค์กรรมฐาน ผู้มีข้อวัตรปฏิบัติเป็นไปเพื่อขัดเกลาทำลายกิเลสที่ครูบาอาจารย์ได้พาดำเนินมา จีวรและบริขารอื่นๆ ของภิกษุจะมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งจัดรวบรวมไว้เป็นของสงฆ์หรือของส่วนกลาง มีภิกษุผู้รักษาเรือนคลังสงฆ์เป็นผู้แจกในกาลเวลาที่เหมาะสม การบริโภคอาหารมีเพียงมื้อเดียวตอนเช้า และฉันในบาตร เสนาสนะที่พักอาศัยเป็นกุฏิหลังเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างกันในราวป่าท่ามกลางความร่มรื่นแห่งหมู่ไม้ เพื่อให้สามารถปฏิบัติภาวนาได้อย่างสงบ และมีความรู้สึกสงบเย็น สดชื่น เบิกบาน มีอิสระ เป็นความสุขที่ปราศจากความเร่าร้อน กระวนกระวาย เกิดกายวิเวก ความสงบกาย และอุปธิวิเวก ความสงบกิเลส อันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด ของการประพฤติพรหมจรรย์ในพุทธศาสนาต่อไป
สำหรับ หลวงปู่ชา สุภัทโท เจ้าอาวาสผู้ก่อตั้งวัดหนองป่าพง มีนามเดิมว่า ชา ช่วงโชติ กำเนิด ที่บ้านจิกก่อ ตำบลธาตุ (ปัจจุบันชื่อ บ้านก่อ ขึ้นกับตำบลแสนสุข) อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เกิดวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พศ.2461 ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเมีย.พ่อชื่อนายมา แม่ชื่อนางพิมพ์ ช่วงโชติ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 10 คน อุปสมบทเมื่อ 26 เมษายน 2482 เริ่มปักหลักฐานวัดหนองป่าพง พศ.2497 มรณภาพเมื่อ 16 มกราคม 2535 เวลา 05.20 น. หลังจากนั้น ครบรอบทุกปีจัดงานระลึกถึงท่าน วันอาจาริยะ 11 - 17 มกราคม โดยในวันที่ 16 มกราคม จะมีพิธีเวียนเทียนรอบองเจดีย์ค์ศรีโพธิญาณ และในช่วงจัดงานดังกล่าว จะมีผู้ใจบุญ ซึ่งการจัดงาน วันอาจาริยะ ได้เริ่มจัดตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 - ปัจจุบัน
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » ภูมิภาค
Top 5 ข่าวภูมิภาค
![]()
- ศิษย์เศร้า! สิ้นหลวงปู่สมาน ถาวโร แห่งวัดป่าโนนสำนัก มรณภาพในวัย 82 ปี 15 ก.ค. 2568
- เลขเด็ดโค้งสุดท้ายคึก! เลขดัง “ฮาย-ต้นหอม-แม่น้ำหนึ่ง” เกลี้ยงแผง 15 ก.ค. 2568
- วัดสวรรคาราม จัดงานศพให้ผู้ยากไร้ฟรี! พระทำทุกอย่าง ทั้งเตรียมสถานที่ นำร่างบรรจุหีบศพ 15 ก.ค. 2568
- สุดยอดนวัตกรรม ม.นครพนมร่วม ทม.ฯ คัดแยกขยะจากพานบายศรี จากการบูชาพ่อปู่พญานาค รีไซเคิลเป็นกระดาษใยกล้วย 15 ก.ค. 2568
- ทช.ยันถนนเป็นของหลวง แจ้งความเสี่ยขุดถนนบุรีรัมย์ 15 ก.ค. 2568
ข่าวในหมวดภูมิภาค
![]()
“ปู่เดือนชัย” สับ! พระมีเมียไม่ใช่เรื่องใหม่ แนะสึกดีกว่าทำเสื่อม 21:55 น.
- โจรบุกวัดฉกตู้บริจาค ทิ้งไว้แค่หมวกไอ้โม่ง! 21:16 น.
- พะเยา คณะสงฆ์แห่เครื่องสักการะกลางเมืองถวายมุทิตา 90 ปี พระเทพญาณเวที 20:53 น.
- หยุดยาว! นนท.ทั่วสารทิศ ขอพรโชคลาภปู่ท้าวเวชสุวรรณแน่นวัดประทุมบูชา เผยงวดที่ผ่านมามีคนถูกรางวัลที่ 1 20:05 น.
- บุรีรัมย์กวาดรถซิ่ง 43 คัน ผู้การฯเตือนแข่งต้องอยู่ในสนาม 19:14 น.