วันศุกร์ ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2568 13:28 น.

ภูมิภาค

อดีตลูกน้องครอบครัวผู้เสียชีวิตเผย 2 สามีภรรยาเป็นคนดีชอบช่วยเหลือคนอื่น

วันอังคาร ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 13.38 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า วันนี้ 24 ธันวาคม 67บรรยากาศที่วัดป่าบอนต่ำ ต.ป่าบอน อ.ป่าบอน จ.พัทลุง / บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ครอบครัวของ นายสิทธิพงศ์และนางอรชอน สองสามีภรรยา จัดพิธีศพของทั้งคู่ด้วยกันที่วัดแห่งนี้ โดยที่ศาลาวัดมีการตั้งโรงคู่และมีการจัดเตรียมงาน เพื่อที่จะทำการเผาศพในวันที่ 26 ธันวาคม 67

 


ด้าน นายสถาพร เพชรมณี อายุ 35 ปี อดีตลูกน้องของครอบครัวผู้เสียชีวิต บอกทั้งน้ำตาว่า หลังเดินทางมาเคารพศพว่า ทั้งสอง เป็นครอบครัวที่อบอุ่น และคอยช่วยเหลือสังคม และให้ชีวิตใหม่กับลูกน้องทุกคน ที่เดินมาทำงานกับแก อย่างผม มาอยู่กับแกตั้งแต่แม่เสียชีวิต ตอนอายุ 10 ขวบ แกสอนความรู้เกี่ยวกับการซ่อมรถ ให้ทุกอย่าง จนกระทั่งเติบโตออกมาประกอบอาชีพเป็นของตัวเอง
 

ใจหายเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ สงสารน้องที่รอดชีวิต เหมือนกับตนเองตอนสมัยเด็กๆ ตอน 10 ขวบที่นอนอยู่กับแม่และน้าสาวที่บ้าน ถูกคนร้ายบุกยิงจนแม่ น้าสาวเสีย ตนยังจำฝังใจ ครั้งนี้ก็เช่นกัน น้องแช้ม ลูกชายตนโต คงจะจำฝังไปไปตลอดชีวิต เหมือนกับตนเอง ซึ่งตนเองเชื่อแม้จะมีการเยียวยาช่วยเหลือครอบครัวพี่ทั้ง 2 แต่ไม่สามารถลบหรือคืนชีวิตให้คนในครอบครัวได้ และตนเชื่อคดีฆ่าผู้อื่นกฏหมายเมืองไทยอ่อน อีก 10 ปี ก็สามารถออกมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีก จริงคดีแบบนี้โทษประหารดีที่สุด

 


 

อีกอย่างหนึ่งขอฝากถึงผู้บริหารทุกคน สามาชิกอาสา หรืออาสาสมัคร น่าจะลดการอนุญาติการใช้ปืนเพราะพวกเขาเป็นเพียงอาสา แต่บางครั้งที่เจอมักจะทำหน้าที่เกินกว่าอาสา อวดแบ่ง ถือว่าตนเองมีผู้ใหญ่หนุนหลัง อยากฝากเรื่องนี้ด้วย
 
 ทางด้าน นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เดินทางมาเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า สำหรับตัวของผู้ก่อเหตุยืนยันว่าเป็นอาสาสมัครรักษาดินแดนจริง โดยมีตำแหน่งสังกัดกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอหาดใหญ่ ซึ่งสำหรับในส่วนของการพกพาอาวุธปืนนั้น มีกฎข้อบังคับอยู่ชัดเจนว่าสามารถที่จะพกพาได้เฉพาะใช้ในภารกิจ เท่านั้น ส่วนก่อนเกิดเหตุทางผู้ก่อเหตุจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในส่วนใดหรือไม่จะต้องตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งสำหรับการที่พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยที่ไม่ได้อยู่ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่และนำไปก่อเหตุสะเทือนขวัญในลักษณะดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรง

 


เบื้องต้นทางต้นสังกัด คือ นายอำเภอหาดใหญ่ได้สั่งให้ออกจากราชการแล้ว และสำหรับตัวผู้ก่อเหตุเองขณะนี้ก็ถือว่าอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้วทางตนเองในฐานะรองผู้ว่าราชการจังหวัดขอให้คำยืนยันกับญาติของผู้เสียชีวิตว่าจะไม่มีการแทรกแซงในส่วนของคดี ทำผิดอย่างไรก็ต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม


ซึ่งหลังจากนี้ทางจังหวัดจะต้องมีการถอดบทเรียนเกี่ยวกับเรื่องการที่เจ้าหน้าที่อส.พกพาอาวุธปืนเมื่อเสร็จสิ้นจากภารกิจหรือไม่มีภารกิจเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้มีเจ้าหน้าที่ อส.รายอื่นใช้อาวุธปืน ที่ทางราชการอนุญาตไปก่อเหตุ


สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ทางจังหวัดสงขลาได้มีการหารือร่วมกันอย่างเร่งด่วนในการที่จะหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เพื่อให้ได้รับประโยชน์มากที่สุด

 

หน้าแรก » ภูมิภาค