วันพุธ ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 01:20 น.

ภูมิภาค

สาวใหญ่ตาบอดร้องสื่อผัวทิ้ง! ยึดรถไถไปมีเมียใหม่ ลูกสาวเผยที่มาแม่ป่วย

วันอาทิตย์ ที่ 05 มกราคม พ.ศ. 2568, 19.30 น.

อำเภอห้วยราช / หญิงวัย 51 ปีร้องสื่อหลังป่วยแล้วตาบอดผัวทิ้งไปเอาเมียใหม่ พร้อมยึดรถไถนาที่หามาด้วยกันไปครอง เผยความเจ็บช้ำเหลือตัวคนเดียวลูกสาวไม่อยู่ด้วย ฝ่ายชายชี้ดูแลมาโดยตลอดทั้งต้องเลี้ยงลูกติดเมีย ให้มาเอารถคืนได้แต่ต้องมีข้อแม้ ขณะลูกสาวเผยแม่ป่วยจิตได้ทำร้ายตนตั้งแต่เล็ก ต้องหนีมาอยู่กับพ่อเลี้ยง วอนหน่วยงานช่วยพาแม่ไปรักษา

วันที่ 5 ม.ค.67 เมื่อเวลา 10.00 น.ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากหญิงสาวตาบอดรายหนึ่ง บอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานภาครัฐเพราะไม่ได้รับการช่วยเหลือ หลังถูกคนในครอบครัวโดยเฉพาะสามีทำร้ายจิตใจ

 


จากการตรวจสอบพบ น.ส.ทศพร ศัตรูพินาศ อายุ 51 ปี บ้านเลขที่  17 ม.1 ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง (โทร 065-0259938) สภาพตาบอดมองไม่ชัดทั้งสองข้าง เป็นเจ้าของร้านขายโทรศัพท์มือถือใน อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์

โดยนางทศพร เล่าว่าเมื่อปี 2555 ไปทำงานอยู่ที่ประเทศเยอรมันนี กลับมาเมื่อประมาณ ปี 2557 ปรากฏว่าสามีไปมีภรรยาใหม่ ทิ้งลูกสาว 2 คนอยู่ตามลำพัง จึงไม่กลับไปเยอรมันนีอีก

 


ต่อมาได้มาพบกับนายวิฑูรย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี เป็นชาว อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ จากนั้นตกลงใช้ชีวิตร่วมกัน ตอนนั้นลูกสาวคนโตอายุ 8 ขวบ คนเล็กอายุ 3 ขวบ นายวิฑูรย์ สามีคนใหม่ช่วยเลี้ยงลูกสาวตนเป็นอย่างดี

ตนเองซึ่งมีเงินก้อนหนึ่งได้ลงทุนให้สามีใหม่ดาวน์รถไถนาเป็นเงิน 170,000  บาท พร้อมกับลงทุนทำโรงเก็บฟาง และยุ้งข้าวให้ ชีวิตครอบครัวก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขมาโดยตลอด สามีประกอบพาชีพทางการเกษตร ส่วนตนมีร้านโทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว

 

 

เมื่อปี 2563 หรือประมาณ 4 ปีที่ผ่านมาตนเริ่มป่วยหมอแจ้งเป็นโรคพุ่มพวง สุดท้ายตา 2 ข้างบอดเพราะโรคกำเริบมองเห็นแค่ลางๆ ทำให้การใช้ชีวิตประจำอยู่ลำบากต่างจากตอนที่ตาดี

ยิ่งกว่านั้นนายวิฑูรย์ สามีกลับไปมีผู้หญิงคนใหม่ โดยไม่สนใจตนเอง ทิ้งให้ตนอยู่ตามลำพังที่ร้านโทรศัพท์ เมื่อตนสอบถามถึงเรื่องรถไถนาสามีกลับไม่สนใจเพราะคิดว่าตนตาบอดแล้ว

 

 




ที่ผ่านมาไปร้องหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานให้มาเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ไม่ได้ผลนายวิฑูรย์ ยังพูดเยอะเย้ยถากถางผ่านคนอื่นมาโดยตลอดว่า”ทิ้งอีบอดไปแล้ว” ยอมรับน้อยใจที่เขาทำกับคนตาบอดได้ลงคอ โดยเฉพาะทรัพย์สินที่มีอยู่ตนอยากแบ่งคนละครึ่งถึงแม้จะไม่มีทะเบียนสมรสก็ตาม จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐมาช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยให้ความเป็นธรรมกับตนเองด้วย

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของนายวิฑูรย์ พบมีโรงเก็บฟาง 1 โรง มีรถไถที่นางทศพร กล่าวอ้าง 1 คัน พบรถบรรทุกดิน 6 ล้อ 1 คัน และยังพบลูกสาวของนางทศพร อายุ 20 ปีและ 15 ปีอาศัยอยู่อีก 2 คน

 

 

นายวิฑูรย์ เล่าว่าเรื่องที่นางทศพร พูดมาทั้งหมดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ความจริงแล้วตั้งแต่ตนอยู่กับนางทศพร อยู่ด้วยกันมีแต่เรื่องเพราะเป็นคนอารมณ์ร้อน ดุด่าและทำร้ายลูกสาวเป็นประจำเหมือนคนสติไม่สมประกอบ แต่ตนก็ทนอยู่

ส่วนรถไถนายอมรับว่านางทศพร เป็นดาวน์ให้จริง แต่ตนเป็นคนผ่อนงวดกับบริษัทมาตัวเอง แต่ผ่อนไม่ตรงงวดจนกระทั่งบริษัทฟ้องตนซึ่งเป็นคนค้ำประกันให้กับนางทศพร ที่มีชื่อเป็นคนเช่าซื้อ

ตนจึงไปกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) นำมาจ่ายให้กับบริษัทรถไถจนครบถ้วนกว่า 200,000 บาท ทางบริษัทจึงโอนชื่อรถไถมาเป็นชื่อของตน กรณีที่นางทศพร อยากได้รถไถคืนนั้น ตนยินดีคืนให้ แต่ต้องเอาเงินกว่า 200,000 บาท ที่ตนกู้ ธกส.มามาคืนให้ตนแล้วเอารถกลับไปได้เลย ส่วนเงินที่ตนผ่อนชำระกับบริษัทก่อนหน้านี้ ตนไม่ติดใจเอาคืน

 


ด้าน น.ส.บิวตี้ (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ลูกสาวคนโตของนางทศพร เล่าว่า สาเหตุที่ตนกับน้องสาวและแฟนหนุ่มของตน หนีมาขออาศัยอยู่กับพ่อเลี้ยงเพราะทนอยู่กับแม่ไม่ได้ ถึงแม้จะต้องกางเต็นท์นอนอยู่ที่นี่ก็ตาม

เพราะแม่เป็นคนดุร้าย ต่างจากพ่อเลี้ยงที่ดูแลตนกับน้องมาเป็นอย่างดีตลอด เท่าที่จำได้แม่ทำร้ายตนตั้งแต่อายุ 8 ขวบ รวมถึงน้องสาวที่พยายามทนกับอารมณ์ของแม่ หลายครั้งคิดสั้น เคยผูกคอหวังจบชีวิตแต่พ่อเลี้ยงมาช่วยไว้ทัน แต่แม่ไม่รู้ถึงความรู้สึกของลูก สาเหตุส่วนตัวเชื่อว่าแม่มีอาการป่วยทางจิต แต่แม่ไม่รู้ตัวเอง จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจอาการของแม่หรือพาไปรักษา หากหายดีแล้วลูกพร้อมที่จะไปอยู่กับแม่คืน







 

หน้าแรก » ภูมิภาค