ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น.ของวันที่ 18 มกราคม 2568 ที่พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี น.พ.ธีรพจน์ ฟักน้อย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี มอบหมายให้นายอุกฤษฎ์ บุษบงค์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี นำคณะเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ร่วมพิธีถวายราชสักการะและถวายราชสดุดี ต่อพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช


เนื่องในวันยุทธหัตถี ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันพุธ ที่ 18 มกราคม พ.ศ.2568 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีต่อปวงชนชาวไทย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงแสดงพระปรีชาสามารถและความกล้าหาญด้วยการกระทำศึกสงครามตั้งแต่พระชันษาได้เพียง 20 พรรษาและต่อเนื่องเกือบตลอดรัชกาลของพระองค์โดยมิได้หวาดหวั่นต่ออริราชศัตรู ถึงแม้ว่าจะตกอยู่ในฐานะตัวจำนำประเทศราช ทรงเป็นจอมทัพไทย กระทำการรบชนะข้าศึกในหลายครั้ง ทรงประกาศอิสรภาพ ทรงกอบกู้เอกราชให้กับชาติไทยทำให้ราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เจริญรุ่งเรือง จนได้รับการยกย่องสรรเสริญว่า เป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และได้รับสมัญญานามว่า “มหาราช” และการศึกสงครามครั้งสำคัญ ที่นับเป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่ทำให้พระเกียรติยศของพระองค์เป็นที่เลื่องลือแพร่ไปทั่วชมพูทวีปคือ สงครามยุทธหัตถี ที่เกิดขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2135


มีรายงานข่าวว่า เมื่อเวลา 08.30 น.ชาวบ้านดอนเจดีย์ อ.พนมทวน กาญจนบุรี ต่างวิจารณ์ขม กรณีพิธีถวายราชสดุดีพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องในวันยุทธหัตถี แล้วเกิดเหตุทหารจากค่ายสุรสีห์ฯ พล ร.9 ยิงปืนใหญ่สดุดี แล้วปืนใหญ่เกิดระเบิดขึ้น ทำให้มีทหาร 2 นายได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส ถึงกับแขนขาด 1 นาย ส่วนอีก 1 นายสลบหมดสติ หลังเกิดเหตุได้ถูกนำตัวส่ง รพ.เจ้าคุณไพบูลย์ เพื่อให้แพทย์ทำการช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน


หลังเกิดเหตุชาวบ้านที่รู้ข่าวต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ ว่าปีนี้เหตุใดจึงเกิดอุบัติเหตุใครทำอะไรผิด สมเด็จพระนเรศวรจึงทรงกริ่วเนื่องจากทุกปีที่มีการยิงปืนใหญ่สดุดี ก็ไม่เคยมีปัญหา เหตุใดปีนี้จึงเกิดอาเพศขึ้นได้ หรือพระองค์ทรงกริ้ว จึงดลบันดาลให้ปืนใหญ่ระเบิด ทำให้มีทหารได้รับบาดเจ็บถึง 2 นาย ชื่อ จ.ส.อ.ชัยศิลป์ นักชาติ อายุ 44 ปี และ จ.ส.อ.วิชญ์พล ปรางทอง อายุ 42 ปี