ตำรวจเมืองลพบุรีเรียกผัวโหดทำร้ายเมียนอนเป็นผักรักษาตัวโรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราชนานกว่า 10 วันยังไม่รู้สึกตัวแจ้งข้อหาพยามฆ่าพร้อมส่งตัวฝากขังต่อที่ศาล
 

จากกรณีเพจบิ๊กเกรียนฝีมือผัวทุบจนเมียนอนเป็นผักอยู่โรงพยาบาล ล่าสุดเมื่อเวลา 09:00 น. ของวันนี้ (24 ม.ค.256) พันตำรวจเอกจรินทร์  ลำลึก ผกก สภ. เมืองลพบุรีได้เรียกตัว นายณภพ สามีโหดเข้ามาแจ้งข้อกล่าวหาภรรยาในข้อหาทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่าโดยใช้เวลาสอบนานกว่า 1 ชั่วโมงก่อนนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดลพบุรีต่อไป
 

ด้านนางนิรดา ศรีวิชา พี่สาวน้องส้ม นายรวีวัฒน์ ศรีวิชา น้องชายเปิดเผยว่าในวันเกิดเหตุตนพร้อมด้วยครอบครัวน้องส้มและสามีได้ไปกินเลี้ยงกันและ มีการดื่มกันก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านก่อนที่ในเวลาประมาณตีหนึ่งน้องชายได้รับโทรศัพท์จากแม่ว่าน้องส้มถูกทำร้ายจากสามีสลบไม่รู้สึกตัวน้องชายและตนเองจึงได้ไปที่บ้านของน้องสาวพบสภาพน้องสาวมีเลือดเต็มไปหมดจึงประสานกับทาง 1169 ขอความช่วยเหลือและได้มีเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลมาอย่างจุดเกิดเหตุแต่ด้วยสาวคือน้องส้มไม่สามารถหายใจด้วยตัวเองได้จึงต้องนำรถกู้ชีพมาสับเปลี่ยนซึ่งสาเหตุที่น้องสาวถูกทำร้ายในครั้งนี้น่าจะมาจาก เรื่องหึงหวงเนื่องจากน้องส้มทำงานกับครอบครัวพี่สาวและน้องชายซึ่งเป็นร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าและน้องส้มเองก็ขายของออนไลน์ด้วยจึงทำให้มีการแชทพูดคุยกับลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าของทางร้านก็จะเป็นผู้ชายเนื่องจากเป็นช่างอาจจะเป็นสาเหตุให้สามีเกิดความหึงหวงแต่เท่าที่รู้ ในช่วงสองปีที่น้องส้มกับสามีคบหากันได้มีปากเสียงและสามีชอบทำร้ายน้องส้มอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่สมัยคบกันใหม่ใหม่ครั้งอยู่ที่เกาะเต่าและมาอยู่นี่ก็มีทำร้ายบ้านแต่ไม่ถึงกำหนดซึ่งตัวเองก็มองว่าเป็นเรื่องของครอบครัว ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งแต่ครั้งนี้มันหนักเกินไปดูแล้วตั้งใจทำร้ายน้องส้มเพราะว่า เพราะจากที่แพทย์บอกมันหนักมากมีเลือดออกในสมองสมองบวมกามหักฟันหักโดยเฉพาะทำร้ายเฉพาะใบหน้าอย่างเดียวส่วนอื่นไม่มีบาดแผลซึ่งคนเจ็บเป็นคนรักสวยรักงามและมีการเสริมแต่งใบหน้ามาหลายรอบซึ่งสามีก็ทำและตีเฉพาะใบหน้า

โดยพี่สาว น้องส้มบอกว่าจริงๆก็ไม่อยากร้องสื่อเพราะเป็นเรื่องของครอบครัวและสงสารน้องส้มแต่ตำรวจเจ้าของคดีพูดจาไม่ดีและท้าทายทำให้ตัวเองต้องร้องสื่อขอความเป็นธรรมเพราะกลัวว่าสามีน้องส้มจะหนีกลับบ้านที่เกาะเต่าเนื่องจากมีคนทางเกาะเต่าซึ่งรู้เรื่องน้องส้มได้แจ้งว่าสามีน้องส้ม ได้ติดต่อหางานทำในพื้นที่เกาะเต่าตัวเองจึงกลัวน้องสาวไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงตามคดีแต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดจาไม่ดีเลยต้องร้องสื่อ

ขณะที่บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านสองชั้นแบบเทาวเฮ้า สภาพภายในบ้านยังคงมีสภาพแบบเดิมในวันที่เกิดเหตุ ยังพบรอยเลือดจำนวนมากอยู่ที่บริเวณพื้นบ้าน และพบผ้าที่เช็ดรอยเลือด เนื่องจากหลังจากเกิดเหตุสามีกไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้อีกเลย โดยไปอาศัยอยู่กับคนที่รู้จัก