เพลิงไหม้บ้านไม้สักทรงไทยของเสี่ยเจ้าของร่านขายรถจักยานยนต์ กลางเมือง เหมือนอาถรรพ์ เพราะที่นี้เลยเกิดไฟไหม้มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 17 ปีที่แล้ว วอดทั้งหลังมูลค่าเกือบ 100 ล้าน

 
 
 
เมื่อเวลา 09.00 น ในวันอังคารที่ 28 มกราคม 2568 ร.ต.อ.สมศักดิ์ ทองกร รองสารวัตร สอบสวน สภ.เมืองลพบุรีได้รับแจ้งจาก ศูนย์วิทยุเมืองลพ 191 จังหวัดลพบุรี ได้เกิดเหตุไฟไหม้บ้านไม้สักทรงไทยหลังใหญ่ ซึ่งเสาแต่ละต้นขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 1 ถึง 3 คนโอบ และมีเสามากกว่า 100 ต้น ริมถนนพหลโยธิน หมู่ที่ 7 ตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองลพบุรี จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น พร้อมประสานรถดับเพลิงจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจังหวัดลพบุรี โดยมีรถดับเพลิงกว่าจำนวนกว่า 20 คันเข้าช่วยดับเพลิงบ้านทรงไทยในครั้งนี้ โดยมีว่าที่ร้อยตรีทรงพล แป้นแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี มาบัญชากการดับไฟด้วย ซึ่งในที่เกิดเหตุ ไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรง ลุกกลามจากด้านหลังบ้านแล้วไปติดบ้านทรงไทย เจ้าหน้าที่ต้องระดมน้ำเข้าฉีดไฟที่กำลังลุกไหม้แต่ด้วยลมที่แรงพัดมายิ่งทำให้ไฟโหมแรงขึ้นอย่างหนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการดับไฟนานกว่า 2-3 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปจุดอื่น ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำคุมเพลิงเนื่องจากบ้านทรงไทยเป็นไม้ทำให้เกิดเป็นถ่านเมื่อมีลมพัดก็จะเกิดไฟลุกขึ้นอย่างต่อเนื่องเจ้าหน้าที่ก็ต้องค่อยฉีดน้ำคุมเอาไว้ตลอดเวลา

สำหรับบ้านไม้สักทรงไทย หลังนี้เป็นของนายอรรถวุฒิ ลิ้มทรงพรต เจ้าของบ้าน และเจ้าของธุรกิจจำหน่ายรถจักยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของจังหวัดลพบุรี โดยในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุจะเป็นบ้านทรงไทยกลุ่มใหม่มีด้วยกัน 3 หลัง และเมื่อ 17 ปีที่แล้วก็เคยถูกไฟไหม้บ้านทรงไทยได้รับความเสียหายไปแล้ว1หลัง จะเหลือ2 หลัง และมาถูกไฟไหม้ขึ้นในวันนี้เป็นบ้านไม้สักทรงไทยหลังใหญ่ มีมูลค่าเกือบ 100 บาท ได้รับความเสียหายทั้งหลัง ซึ่งบริเวณบ้านมีเนื้อที่กว่า 3 ไร่

ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าบ้านทรงไทยไม้สักของที่นี้ มีอาถรรพ์หรือไม่ เพราะเมื่อปี 2551 เคยไฟไหม้ไปแล้วครั้งหนึ่งมาปีนี้เกิดซ้ำอีกครั้ง ส่วนสาเหตุยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไรต้องให้กองพิสูจน์หลักฐานลงมาเก็บข้อมูลส่วนค่าเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน