วันที่ 9 มี.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง พร้อมด้วย น.ส.ธนิกานต์ หยังสู นายอำเภอนาโยง นายวีระพันธุ์ พุทธรักษ์ กำนัน ต.ละมอ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่อย่างเร่งด่วนไปยัง บ้านเลขที่ 62/1 หมู่ 1 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง (ริมถนนเพชรเกษมสายตรัง-พัทลุง) ภายหลังจากเมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ดินทรุดตัวทำให้บ้านช่วงบริเวณห้องครัวและพื้นที่รอบๆพังถล่มได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว
 

โดยสภาพบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านปูน 2 ชั้น ด้านหลังบ้านอยู่ติดกับลำคลองละมอ พบว่าบริเวณที่เป็นห้องครัว  ได้พังถล่มลงไปด้านล่าง เนื่องจากดินเกิดทรุดตัว ข้าวข้องเครื่องใช้ต่างๆ กระจัดกระจายได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และโครงสร้างบ้านอีกส่วนหนึ่ง ยังคงมีความเสี่ยงที่จะทรุดตามลงไปอีกด้วยในระยะภายหลังจากนี้ ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์ ทางเจ้าหน้าที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง (ปภ.) ได้ลงมาตรวจสอบ พร้อมทั้งวิทยุแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และยังได้มีกำลังทหารจากมณฑลทหารบกที่ 43 กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 ซึ่งมีทั้งทหารเกณฑ์ ทหารประจำการ ทั้งหมด 15 นาย เข้ามาช่วยเก็บกู้โครงสร้างบ้านที่ยังสามารถใช้งานได้อยู่

นางสุมาลี ทองพุ่ม หรือต้น อายุ 51 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งยังอยู่ในอาการตื่นตกใจและหวาดผวา เล่าให้ฟังว่า บ้านหลังนี้อยู่อาศัยกันทั้งหมด 4 คน มีตน ลูกสาว 2 คน อายุ 13 ปี และ 11 ปี และยังมีคุณพ่ออายุ 90 ปี อยู่ด้วยขณะเกิดเหตุ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆเกือบเที่ยงคืน ขณะอยู่ชั้น 2 ของบ้านได้ยินเสียงดังมาจากหลังบ้าน จึงเดินลงมา ก็พบเห็นว่าฝาบ้านกำลังแยก จึงให้ลูกสาวไปสับคัตเอาท์ เพื่อตัดระบบไฟฟ้า และปิดระบบน้ำประปา หลังจากนั้นประมาณ 5 นาที บ้านบริเวณครัวได้ทรุดลงไปในแนวดิ่ง โดยไม่ได้มีการคว่ำลงไป จึงได้รีบแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านรับทราบ
 

ความรู้สึกเสียขวัญมาก มากกว่าตกใจ ทัศนคติติดลบ ตั้งคำถามเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น เพราะเราอยู่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่เกิด มีการปลูกต้นไม้ล้อมรอบ มีการดูแลตลิ่งตลอด ไม่มีการลุกล้ำ แต่เกินความคาดหมายจริงๆ ที่ผ่านมาก็ไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน มีเพียงแค่น้ำในลำคลองเปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนระดับน้ำในลำคลองจะขึ้นอยู่กับฤดูกาลและสภาพฟ้าฝน แต่ช่วงหลังขึ้นลงเร็วมาก เดี๋ยวแห้งเดี๋ยวขึ้น ไม่รู้ว่ามาจากสาเหตุอะไร หรือเป็นการเปิดปิดน้ำจากประตูระบายน้ำ ที่อาจจะเป็นตัวกระตุ้นหน้าดินของเราที่อุ้มน้ำอยู่แล้ว เซาะดินลงไปก็เป็นได้ ส่วนบ้านที่เหลือก็ไม่รู้ได้เลยว่าจะทรุดตามลงไปอีกหรือไม่

ขณะที่นางภิมล พรมดาน อายุ 50 ปี เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน บอกว่า เมื่อช่วงช่วงเกือบเที่ยงคืน ตนอยู่ในบ้านได้ยินเสียงดังสนั่นจึงออกมาดู ก็เห็นคาตาว่าดินสไลด์ลงไปและบ้านทรุดตามลงมา หลังจากนั้นก็รีบเข้ามาดูเพื่อนบ้านและช่วยเหลือ จนกระทั่งเวลาประมาณตี 3 ก็มีดินทรุดตัวตามลงมาอีกครั้งใกล้ๆกัน ก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเตือนมาก่อนปกติดี แต่เมื่อคืนฝนตกลมแรง แต่ก่อนหน้านี้มีการปิดน้ำจนแห่งขอด ทำให้ดินแตก แต่พอจู่ๆก็เปิดน้ำให้ไหลมาจนเต็มลำคลอง ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นสาเหตุด้วยหรือเปล่า ตนซึ่งอยู่ติดกันก็หวาดกลัว เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย
 

ทางด้าน นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า การแก้ปัญหาและช่วยเหลือนั้น มีระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งระยะสั้น ทางท้องถิ่นซึ่งจะเป็นหน่วยงานเบื้องต้นที่จะเข้ามาดูแล เนื่องจากมีงบประมาณจำกัด ที่จะดูแลในเบื้องต้น ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ทำเสาตอม่อเพื่อป้องกันไม่ให้ดินพังทลายลงไปมากกว่าเดิม และในส่วนของระดับจังหวัด ปภ.ตรัง จะประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อที่จะขอรับสนับสนุนงบประมาณ ต่อไปก็จะเป็นหน่วยงาน พม. และ กาชาด ซึ่งจะมีวงเงินในการดูแลช่วยเหลือ ซึ่งคิดว่าคงจะพอสมควรในการช่วยเหลือเบื้องต้น

ในส่วนของระยะยาววันพรุ่งนี้ (10 มี.ค.) จะมอบให้กับทางช่างของโยธาธิการและผังเมือง จ.ตรัง ที่มีความรู้เฉพาะด้าน และท้องถิ่นจังหวัด เข้ามาดูและประเมินจากสภาพดิน ว่าในส่วนโครงสร้างบ้านที่เหลือ มีความเหมาะสมหรือต้องปรับเปลี่ยนอะไรหรือไม่ ซึ่งจะเป็นเรื่องในเชิงเทคนิคต่อไป โดยระยะต่อไปจุดนี้อาจจะต้องสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ซึ่งจะต้องมีการออกแบบ และจัดสรรงบประมาณที่ค่อนข้างจะต้องใช้ระยะเวลาและวงเงินที่ค่อนข้างเยอะ โดยพื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ที่มีโฉนด ทางเจ้าของบ้านยินดีที่จะอุทิศที่เพื่อที่จะทำเป็นเขื่อนป้องกันตลิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างสาธารณะ
 

ส่วนของสาเหตุหลักๆ พื้นที่ อ.นาโยง เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ หากไม่มีเขื่อนและคลองระบายน้ำที่ทางกรมชลประทานมาทำเมกะโปรเจ็กยาว 7 กม. จุดนี้จะเป็นจุดที่น้ำท่วมตลอดทุกปี เพราะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ แต่ครั้งนี้อาจจะเกิดจากช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีฝนตก ดินใต้บ้านก็เป็นดินปนทราย โครงสร้างของดินก็จับตัวกันไม่แข็งแรง ริมตลิ่งน้ำก็ไม่ได้กัดเซาะ น้ำในลำคลองก็ไม่ได้แรง อาจจะมาจากดินใต้บ้านมีการโพรกมานานแล้ว และวิถีชีวิตการก่อสร้างบ้านเรือนไม่ได้มีการยกพื้นมาไม่กี่นิ้ว ทำให้เสี่ยงต่อโครงสร้างดินและหินข้างล่างอาจจะเกิดสุญญากาศ เป็นปัจจัยที่ทำให้บ้านทรุดตัวลงก็เป็นได้