วันที่ 7 เมษายน 2568 บรรยากาศการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ต้องจัดขึ้นหลังศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ นางมุกดาวรรณ เลื่องสีนิล อดีต ส.ส. พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พ้นจากตำแหน่ง ด้วยเหตุผลเกี่ยวข้องกับการซื้อเสียง และถูกสั่งชดใช้ค่าเสียหายกว่า 8 ล้านบาท ทำให้เกิดการส่งผู้สมัครใหม่ โดยพรรคภูมิใจไทยยังคงส่ง นายไสว เลื่องสีนิล ซึ่งเป็นสามีของอดีต ส.ส. ลงชิงตำแหน่งในนามพรรคเดิม

อย่างไรก็ตาม การส่งผู้สมัครรายนี้ลงสนาม กลับสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในแวดวงการเมืองอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะจากฝั่งพรรคทางเลือกใหม่ นำโดย นายราเชนทร์ ตระกูลเวียง หัวหน้าพรรค ซึ่งออกมาแสดงความกังขาอย่างหนัก พร้อมตั้งคำถามต่อ กกต. ว่าแ“เมื่อพรรคการเมืองได้รับใบแดงจากคดีซื้อเสียง เหตุใดจึงยังสามารถส่งบุคคลใกล้ชิดลงสมัครได้? กกต.ต้องออกมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ”

นายราเชนทร์ยังย้ำว่า การส่ง นายพิษณุ รสมาลี ผู้สมัครหมายเลข 6 ลงชิงตำแหน่งในเขตนี้ ไม่ได้หวังผลชนะโดยตรง แต่ต้องการเป็น “ตัวแทนประชาชน” สะท้อนเสียงไม่เอาการเมืองแบบเก่า พร้อมระบุว่า “ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง หยุดเลือกพรรคการเมืองที่มีประวัติด่างพร้อย หยุดยอมรับระบบบ้านใหญ่และการซื้อเสียง พรรคทางเลือกใหม่คือประชามติของประชาชน ต่อต้านการโกงกินประเทศ”

ขณะที่อีกหนึ่งผู้สมัครที่น่าจับตา คือ ครูกวี ไกรทอง หมายเลข 4 จากพรรค “พร้อมเรา” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก ดร.พิมไหมทอง ศักดิพัตโภคิน หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แม่เลี้ยงส้ม” เผยความมั่นใจว่า หากประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง การเลือกผู้สมัครของพรรคตนคือคำตอบ โดยระบุว่า “นครศรีธรรมราชคือจังหวัดที่คนสนใจการเมืองมากที่สุดของประเทศ เราไม่ได้พกเงิน แต่พกหัวใจ และอุดมการณ์ เราไม่ได้ต้องการเอาชนะบ้านใหญ่ แต่ต้องการเปลี่ยนอนาคตของบ้านเรา”

ทางด้านพรรคประชาชน ก็ไม่ยอมน้อยหน้า โดย นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรค ประกาศหนุนเต็มตัวให้ประชาชนเลือก นัท ณัฐกิตต์ ผู้สมัครหมายเลข 3 พร้อมกล่าวว่า “ครั้งนี้เป็นการทวงศักดิ์ศรีของคนคอนคืนมา เราไม่เอานักการเมืองโกง ไม่เอาคนที่ชนะด้วยเงิน พรรคประชาชนยืนยันไม่มีซื้อเสียง ไม่มีโกงแน่นอน”

ในสนามเลือกตั้งซ่อมที่ดุเดือดครั้งนี้ ยังมีผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคกล้าธรรม และพรรคปชน. ลงสู้ศึกกันครบทั้ง 6 ราย โดยต่างเร่งลงพื้นที่หาเสียงอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม มีรายงานจากแหล่งข่าวระบุถึงความเคลื่อนไหวใน “ใต้ดิน” ว่ามีการเล่นการพนันผลเลือกตั้ง โดยตั้งอัตราต่อรองคู่แข่งเด่น เช่น นายไสว ปะทะ นายชินวรณ์ ต่อ 15 และ นายชินวรณ์ กับ นายก้องเกียรติ ต่อ 13 โดยนับผลแพ้ชนะจากคะแนนเสียง

แหล่งข่าวยังเผยว่า ช่วงนี้ผู้สมัครส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงการพึ่งหัวคะแนนจากนักการเมืองท้องถิ่นและผู้นำชุมชน เนื่องจากเกรงผลกระทบกับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ใกล้จะมาถึง ทำให้การใช้เงินเพื่อซื้อเสียง “ยากกว่าเดิม” แม้พรรคภูมิใจไทยจะถูกกระแสโจมตีอย่างหนักจากใบแดงของอดีต ส.ส. แต่ในพื้นที่ยังมีฐานเสียงเหนียวแน่นจากการทำงานต่อเนื่อง และมีกระแสความเห็นใจจากชาวบ้านบางส่วน โดยเฉพาะกรณี “นางมุกดาวรรณ” ที่ถูกมองว่าอาจตกเป็น “เหยื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง”

สำหรับการเลือกตั้งซ่อมเขต 8 นครศรีธรรมราชครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการชิงตำแหน่ง ส.ส. เท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นการต่อสู้เชิงอุดมการณ์ การเมืองแบบใหม่ vs การเมืองแบบเดิม คนดี vs คนโกง และการลุกขึ้นของประชาชนที่เบื่อหน่ายการเมืองน้ำเน่าแบบเดิมๆ “คนคอน คนดียังมีอยู่ ถึงเวลาร่วมกันเปลี่ยนการเมืองนครศรีธรรมราช” เสียงเรียกร้องจากหลายฝ่าย ที่อาจกลายเป็นพลังพลิกเกมในวันเลือกตั้งที่จะถึงนี้.