วันอาทิตย์ ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 00:54 น.

ภูมิภาค

ชาวบ้านร้องสื่อ คาใจน้ำท่วมบ้านไร้ชื่อรับเงินเยียวยา 9,000 บาท ผญบ.บ้านพร้อมชี้แจง

วันพุธ ที่ 09 เมษายน พ.ศ. 2568, 11.01 น.

ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลวิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร ร้องผ่านสื่อคาใจน้ำท่วมบ้านสูงเกือบ 2 เมตร ทรัพย์สินเสียหายส่งรายชื่อรับเงินเยียวยา 9,000 บาทจากภาครัฐแต่สุดท้ายไม่มีรายชื่อผู้มีสิทธิ์รับเงินเหตุไม่เข้าเงื่อนไข ผู้ใหญ่บ้านออกมาแจงพร้อมชี้ต่อคณะกรรมการพิจารณารายชื่อผู้ร้องไม่ตรงกับผู้ประสบภัย
       
นางกุศล  ศรีเมือง อายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 3 ตำบลวิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร เจ้าของบ้านตามทะเบียนราษฎรและเป็นผู้เสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อกลางเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา พร้อมนำสำรวจความเสียหายทรัพย์สินภายในบ้าน โดยบ้านหลังดังกล่าวปลูกเป็นบ้านสองชั้น ชั้นล่างเป็นปูนชั้นสองเป็นไม้ ท่ามกลางสวนมะพร้าวห่างจากถนนคอนกรีตประมาณ 50 เมตร ติดกับคลองวิสัยฯ 
      
สภาพตัวบ้านเก่าทรุดโทรมยังมีคราบร่องรอยความสูงระดับน้ำที่ท่วม ภายในมีตู้ไม้ขนาดใหญ่  ตู้กับข้าวอลูมิเนียมถูกน้ำท่วมปล่อยทิ้งร้างยังมีคราบโคลนติดเกาะแห้งกรัง  ส่วนบันไดไม้ขึ้นชั้นสองผุพังไม่สามารถใช้เดินขึ้นไปสำรวจได้
       
โดยนางกุศล  เล่าว่า เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาเกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดชุมพร ทำบ้านของตนและเพื่อนบ้านในพื้นที่ หมู่ 3 ตำบลวิสัยใต้ได้รับผลกระทบเช่นกันโดยที่บ้านของตนมีน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ขณะนั้นตนได้จ้างคนงานเก็บมะพร้าวและเก็บเกี่ยวผลปาล์มน้ำมันในสวน และให้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว มีของใช้ส่วนตัวของคนงานเสียหาย 
      
ต่อมาหลังน้ำลดสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 เดินทางไปที่อบต.วิสัยใต้ แจ้งรายชื่อทรัพย์สินเสียหายเพื่อรับเงินเยียวยาจากทางภาครัฐจำนวน 9,000 บาท ตามที่ประกาศ โดยระบุมีทรัพย์สินได้รับความเสียหายประกอบด้วย เครื่องใช้ภายในบ้านเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า  บ่อปลา  ปุ๋ยเคมีผสมเสร็จแล้วจำนวน 5 กระสอบ และโอ่งใส่น้ำ 
      
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่อบต.วิสัยใต้ นัดผู้ประสบภัยที่เคยส่งรายชื่อคนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรับฟังผลตรวจสอบว่ามีรายชื่อผ่านหรือไม่ผ่านการคัดเลือกรับเงินเยียวยา  ผลปรากฏว่าบ้านของตนไม่มีรายชื่อได้รับเงินเยียวยาเพียงบ้านเดียว จึงถามเจ้าหน้าที่ว่าทำไมบ้านตนไม่มีรายชื่อซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าทางหน่วยเหนือแจ้งมาแค่นี้ เจ้าหน้าที่เป็นเพียงนำรายชื่อผลการตรวจสอบมาแจ้งกระจายข่าวให้ทราบเท่านั้น ขอย้ำว่าไม่มีรายชื่อของนางกุศล  ศรีเมือง ขณะเดียวกันผู้ใหญ่บ้านตอบขึ้นมาว่า “คุณไม่มีสิทธิ์คุณไม่มานอนตรงนี้” ซึ่งตนเองได้พูดโต้ผู้ใหญ่กลับไปเล็กน้อยว่า “ถ้าคนไม่ได้นอนแช่น้ำไม่ให้ก็ไม่เป็นไร” และตนเองก็เดินออกไป เพราะการประชุมจบเนื่องจากอ่านรายชื่อหมดแล้ว
       
นางกุศล เล่าอีกว่า ตนเองยังคาใจคำว่า หน่วยเหนือ คือใคร เข้าใจว่าเป็นที่ว่าการอำเภอจึงเดินทางไปพบปลัดอำเภอพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ความเดือนร้อนและได้รับความเสียหายรวมถึงเหตุการณ์เข้าประชุมฟังผลรายชื่อผู้ได้รับเงินเยียวยา ตนจึงยกตัวอย่าง เช่นชาวบ้านหมู่ 8 ซึ่งมีพื้นที่ติดกับหมู่ 3 น้ำท่วมเหมือนกันแต่มี 2 หลังคาเรือนไม่มีคนอยู่บ้านอีกคนอยู่พะโต๊ะส่วนอีกคนอยู่เมืองชุมพรทำไมถึงมีรายชื่อผ่านได้รับเงินเยียวยา ซึ่งตนมีข้อสงสัย ทางปลัดอำเภอแนะให้ย้อนไปสอบถามทางอบต. และได้รับคำตอบจากอบต.ว่านัดจะตรวจสอบอีกครั้ง รอจนถึงทุกวันนี้ก็ยังเงียบ ร้อนใจของเอกสารเงื่อนไข กติกา การขอรับเงินเยียวยาเป็นอย่างไรตนเองมีข้อบกพร่องตรงไหน ตอนหลังจึงทราบว่ามีปลัด อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นส่วนหนึ่งในการตรวจสอบรายชื่อผู้ประสบภัย สรุปกระเด็นที่ตนไม่ได้รับเงินเยียวยาคำตอบเดียวคือ “ไม่ได้นอนบ้าน”หมายถึงไม่ได้พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว 
         
ทางด้านนายพิษณุ  นิลบางพระ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ตำบลวิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร เผยว่า ผู้ใหญ่บ้านเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการระดับอำเภอในการพิจารณามีหน้าที่ในการรับรองข้อมูลว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามที่ทางอำเภอเป็นผู้กำหนดผุ้ได้รับการช่วยเหลือ  ตัวอย่างกรณีบ้านที่มีข้อพิพาทไม่เข้าหลักเกณฑ์รับเงินเยียวยา เจ้าของบ้านมีชื่อ เป็นเจ้าของบ้านถูกต้องตามหลักกฎหมาย แต่ไม่เข้าหลักเกณฑ์ข้อแรก ไม่ได้เป็นผู้ประสบภัย  ข้อ 2 มีผู้เช่าผู้อาศัย สามารถทำได้คือเจ้าของบ้านต้องหาหลักฐานเป็นสัญญาเช่าหรืออยู่อาศัยอย่างไรเป็นหน้าที่ของเจ้าของบ้าน ไม่ใช่หน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน ตนไม่มีหน้าที่พิจารณาอนุญาตว่าหลังนี้จะได้หรือไม่ แต่ทางตนรับรองข้อมูลว่าบุคคลนี้อยู่หรือไม่อยู่ในพื้นที่
        
ผู้ใหญ่บ้าน เผยอีกว่า สำหรับบ้านหลังดังกล่าว เมื่อก่อนปล่อยให้เช่า และน้ำท่วมทุกปีได้รับของแจกทุกปี  มารอบนี้เห็นว่ามีคนอยู่แต่ไม่ใช่เจ้าของบ้าน โดยสรุปผุ้ที่จะได้รับเงินเยียวยาต้องเป็นผู้ประสบภัย ตนมีหน้าที่รับรองข้อมูลแจ้งตามความเป็นจริงไปทางคณะกรรมการพิจารณาแล้วว่าบุคคลคนนี้(เจ้าของบ้าน)ไม่ใช่ผู้ประสบภัยตัวจริง ไม่ได้เป็นผู้อยู่อาศัย ทั้งนี้ทั้งนั้นการพิจารณาต้องกลับไปถามคณะกรรมการผู้พิจารณา
       
ผู้ใหญ่บ้าน เผยเพิ่มเติมว่า สำหรับหมู่ 3 ตำบลวิสัยใต้ มีจำนวน 44 หลังคาเรือนตามทะเบียนบ้าน  แต่มีผู้ประสบภัย 55 หลังคาเรือน เพราะแบ่งแยกเป็นบ้านเช่า และยังมีผู้ประสบภัยอีกหลายรายประมาณ 4-5 หลังที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเนื่องจากยังขาดเอกสารหลักฐาน แต่ทุกคนเข้าใจหลักเกณฑ์การได้รับเงินเยียวยา”

หน้าแรก » ภูมิภาค