วันที่ 4 พ.ค.68 พลตรีกิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง มอบหมายให้ พันเอกไพรัช ศรีไชยวาล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 กองกำลังผาเมือง ติดตามสถานการณ์ชายแดน ไทย-ลาว ด้านตรงข้ามอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย หลังจากได้มีเสียงปืนดังหลายครั้งเป็นระยะๆ ในเขต สปป.ลาว ตรงกันข้าม อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย โดยเสียงปืนยังดังในหลายจุดและคาดการณ์ว่าดังมาจากพื้นที่บ้านพูผามน เมืองปากทา แขวงบ่อแก้ว ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำโชงที่ไหลไปจากชายไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เวียงแก่น และเสียงยังดังบริเวณตรงกันข้าม ต.ปอ อ.เวียงแก่น อีกหลายจุดติดต่อกันหลายครั้ง

ซึ่งเสียงปืนดังกล่าวเกิดจากกองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่ายบุกเข้าโจมตีฐานทหารของ สปป.ลาว ขณะเดียวกันพบว่าผลจากการยิงปะทะกันดังกล่าวได้ทำให้มีหัวกระสุนปืนขนาด 7.62 มม.ตกลงมาในฝั่งไทยด้วยจำนวน 1 นัด โดยตกทะลุหลังคาบ้านของชาวบ้านในหมู่บ้านร่มฟ้าผาหม่น หมู่ 15 ต.ปอ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตรายซึ่งคาดว่าหัวกระสุนดังกล่าวเกิดจากการยิงปะทะกันดังกล่าว ทั้งนี้การปะทะยังได้ยินเสียงในฝั่งตรงกันข้าม ต.ปอ อ.เวียงแก่น หลายจุดตั้งแต่ผาตั้งไปจนถึงภูชี้ฟ้าคาดว่าเสียงมาจากจุดที่ห่างจากชายแดนไทยเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตรขึ้นไป ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังผาเมืองของไทยได้วางกำลังเฝ้าระวังไปตลอดแนว

โดย พล.ต.กิดากร จันทรา ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมืองได้มีหนังสือถึงหัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนลาว-ไทย แขวงบ่อแก้ว ว่ากรณีมีลูกกระสุนปืนตกลงมาใส่หลังคาบ้านเรือนประชาชนไทยดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลต่อประชาชนและอาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายดน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือไปยังหัวหน้าชุดประสานงานประจำพื้นที่ชายแดนลาว-ไทย แขวงบอแก้ว ช่วยตรวจสอบเหตุการณ์และหากมีเหตุการณ์สำคัญขอให้แจ้งทางฝ่ายไทยได้รับทราบ รวมทั้งขอให้ระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนด้วย ทั้งนี้ประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาความสัมพันธ์อันดีและความร่วมมืออันแน่นแฟ้นกับ สปป.ลาว ตลอดจนเคารพในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของทั้ง 2 ประเทศ และหวังเป็นอย่างยิ่งความร่วมมืออันดีจะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

หลังเกิดเหตุดังกล่าวทางเจ้าเมืองต่างๆ สปป.ลาว ได้มีหนังสือแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้า ตำรวจ ผู้ใหญ่บ้านต่างๆ ให้เฝ้าระวังกลุ่มคนที่ไม่ประสงค์ดีและกองกำลังติดอาวุธที่อาจจะสร้างความไม่สงบเพิ่มเติม โดยเฉพาะตามตะเข็บชายแดนที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีป้อม โดยให้ระมัดระวังเตรียมพร้อมทั้งกำลังพลและอาวุธและสืบหาข่าวตลอด 24 ชั่วโมง.