วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 16:44 น.

ภูมิภาค

หลวงพ่อไม่ออกบิณฑบาต 4 วัน โยมได้กลิ่นโชยนึกว่าหนูตาย ผลักประตูเจอนอนมรภาพคากุฏิ

วันอาทิตย์ ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 18.04 น.

วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 เวลา 08.0-30 น. ร.ต.อ.ทวีศักดิ์ ศรีประเสริฐ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งพบศพพระมรณภาพที่วัดดอนโมง หรือวัดพระพุทธบาท 4 รอย  บ้านดอนโมง หมู่ 4 ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม จึงประสานแพทย์เวร รพ.นครพนม และกู้ภัยศรีสัตตนครพนม รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ อยู่ภายในศาลาการเปรียญ โดยแบ่งห้องกั้นเป็นกุฏิ พบศพพระหงส์คำ (ทองด้วง) ปิยสีโล หรือชาวบ้านเรียก คูบาหงส์ อายุ 55 ปี พระลูกวัดนอนคว่ำหน้ามรณภาพ ลักษณะนุ่งผ้าสบงเพียงผืนเดียว สภาพศพขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นโชยรุนแรง สันนิษฐานเสียชีวิตมานาน 4 วันแล้ว

เจ้าหน้าที่ตรวจภายในกุฏิพบพัดลมเปิดทิ้งไว้ บาตร จีวร ถ้วยชาม  รวมทั้งบาตร ข้าวของเครื่องใช้ และขวดน้ำจำนวหนึ่งวางกระจัดกระจาย  จีวรห้อยพะรุงพะรังบนราวแขวน แต่ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือถูกทำร้ายร่างกาย

สอบถาม นางกิจพร โพนชัยยา อายุ 64 ปี ซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐาก เล่าว่าทุกเช้าตนต้องมาที่วัดประจำ โดยอาสาจัดภัตตาหารและยารักษาโรคถวายให้คูบางหงส์ เนื่องจากท่านมีโรคประจำตัวได้แก่ เบาหวาน ควานดัน หอบหืด ก่อนพบศพคูบาหงส์ไม่ได้ออกบิณทบาตมา 4 วันแล้ว เนื่องจากท่านมีอาการวิงเวียนศีรษะหน้ามืด หวั่นว่าขณะออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ อาจจะเซหกล้มเป็นภาระให้พระรูปอื่น จึงบอกญาติโยมล่วงหน้าว่าพรุ่งนี้ (8 พค.) อาตมาไม่ออกบิณฑบาตนะ

กระทั่งเช้าวันที่ 11 พ.ค. ขณะตนจัดแจงภัตตาหารถวายพระรูปอื่นอยู่ ได้กลิ่นตุๆคล้ายหนูตายโชยเข้าจมูก ก็เรียกพระลูกวัดรูปหนึ่งขณะนั่งฉันภัตตาหาร ช่วยมาเคาะประตูเรียกคูบาหงส์หน่อย โดยพูดทีเล่นทีจริงว่าไม่ใช่คูบาหงส์นอนอืดแล้วเหรอ  พระลูกวัดได้เคาะเรียกให้เปิดประตู  แต่ไม่มีเสียงตอบรับ จึงถือวิสาสะผลักประตูเข้าไป ก็ต้องผงะเมื่อพบว่าคูบาหงศ์นอนคว่ำหน้ามรณภาพแล้ว ทำให้พระที่นั่งฉันข้าวอยู่ในศาลาการเปรียญวงแตก  โดยประวัติคูบาหงศ์ท่านเป็นคนในพื้นที่อยู่บ้านหนองบัว ต.หนองญาติ พ่อแม่เสียชีวิตหมด โดยบวชมา 5-6 พรรษา และจำพรรษาที่วัดดอนโมงได้ 2 ปีแล้ว

ด้าน พระครูสาระธรรมานุรักษ์ อายุ 69 ปี เจ้าอาวาสวัดดอนโมง และเจ้าคณะตำบลหนองญาติเขต 2 กล่าวว่าพระหงส์คำ มรณภาพอยู่ในสภาพนอนคว่ำใส่ผ้าสบงผืนเดียว  มีเลือดออกปากและจมูก ซึ่งคูบาหงส์ไม่ได้ออกรับบิณฑบาตมา 4 วันแล้ว คาดว่าอาจจะเสียชีวิตมาตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. เนื่องจากมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หอบหืด และความดันโลหิตสูง โดยก่อนหน้านี้ จ.นครพนม มีสภาพอากาศร้อนอบอ้าว ท่านอาจมีอาการโรคกำเริบ และช็อกจนเสียชีวิตโดยไม่มีผู้พบเห็น  หรือไม่มีใครเอะใจสงสัย กระทั่งโยมอุปัฏฐากได้กลิ่นเหม็นเน่า เรียกพระลูกวัดมาเปิดประตู ก็พบว่าเป็นศพในวันวิสาขาบูชา 15 ค่ำ เดือน 6  พอดี

ภายหลังญาติโยมทราบข่าว ได้ทยอยมาที่ศาลาการเปรียญ เพื่อร่วมจัดตกแต่งโลงศพและไว้อาลัย โดยจะตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่ศาลาร่วมใจภายในวัด 3 วัน วันที่ 14 พ.ค. ก็จะเคลื่อนร่างไปฌาปนกิจที่วัดรังษีญาติการาม บ้านหนองญาติ หมู่ 6  ที่เป็นวัดตั้งอยู่ใกล้กัน

หน้าแรก » ภูมิภาค