โคราช ม.เทคโนสุรนารีหารือ “จีน” เชิงรุก “สร้างเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน” ยกระดับคลัสเตอร์เกษตรกร–อุตสาหกรรมโคราช พร้อมเปิดแนวร่วม “ไทย–จีน” พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ NeEC
 
            
นครราชสีมา วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์การค้าเซ็นทรัล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย ดร.สุพรรณี จันทร์ภิรมณ์ ผู้รักษาการแทนรองผู้อำนวยการเทคโนธานี ฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยี มทส., นายบัญญัติ คำบุญเหลือ กรรมการผู้จัดการบริษัท กวิ จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มกิจการเพื่อสังคม , ผศ.ดร.กำไร เบือนสันเทียะ ผู้ก่อตั้งสำนักงานเศรษฐกิจโคราช (KEA), Mr. Dong Jia ผู้แทนจาก Kunming Pilot Free Trade Zone ประเทศจีน และนางสาวอมรรัตน์ พิมพ์สิงห์ ประธานสภาองค์กรชุมชน โซน 10 จังหวัดนครราชสีมา, ว่าที่ ร้อยโท ธีรภัทร ศรีคงอยู่ เกษตรอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ นักวิจัยนักวิจัยร่วม ร่วมเป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ Thai–China Joint Action Forum for Rural Transformation and Poverty Alleviation: Marking 50 Years of Friendship “Development of Collaboration Networks and Mechanisms to Drive the Area Based Industry Ecosystem in the Northeastern Economic Corridor (NeEC)” ภายใต้โครงการ สนับสนุนงบประมาณโดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดยมีคณาจารย์ นักวิชาการ บุคลการ เยาวชน นิสิต นักศึกษาร่วมกิจกรรรมพร้อมหน้า

ทั้งนี้ ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ได้มอบนโยบายเชิงรุก “สร้างเศรษฐกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน” ยกระดับคลัสเตอร์เกษตรกร–อุตสาหกรรมโคราช พร้อมเปิดแนวร่วม “ไทย–จีน” พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ NeEC มุ่งเน้น “การสร้างเศรษฐกิจใหม่ บนฐานทุนเดิมของเกษตรกร” ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงพื้นที่ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาความยากจนและหนี้สิน  “NeEC ควรเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ที่ต้องเป็นกลไกสร้างโอกาส สร้างอาชีพ และยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน โดยต้องเชื่อมโยงนโยบายกับพื้นที่จริง และสร้างระบบสนับสนุนให้เกษตรกรหลุดพ้นจากความยากจนได้จริง พร้อมทั้งต้องตอบโจทย์ประชาชนในพื้นที่ ผ่านการยกระดับรายได้ แก้หนี้สิน และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ทั่วถึง” ดร.ยลดา กล่าว
 
          
ด้าน ดร.สุพรรณี จันทร์ภิรมณ์ ผู้รักษาการแทนรองผู้อำนวยการเทคโนธานี ฝ่ายถ่ายทอดเทคโนโลยี มทส. ได้ระบุว่า “NeEC คือพื้นที่นำร่องที่สามารถแสดงให้เห็นว่านวัตกรรม วิทยาศาสตร์ และความร่วมมือในระดับนานาชาติ สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้ ถ้าเรานำโมเดลการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนมาใช้เป็นหลักในการพัฒนา” ซึ่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พร้อมเป็น springboard ในการร่วมพัฒนา โดยโครงการ การพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือและกลไกการขับเคลื่อนระบบนิเวศอุตสาหกรรมมันสําปะหลังพันธุ์รับประทาน ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NeEC) ที่ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท) จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนาต้นแบบของ “พื้นที่เชิงยุทธศาสตร์” ที่สามารถสะท้อนให้เห็นว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของการพัฒนาชนบท การแก้ไขปัญหาความยากจน ได้อย่างแท้จริง

นายบัญญัติ คำบุญเหลือ กรรมการผู้จัดการบริษัท กวิ จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มกิจการเพื่อสังคม กล่าวเสริมว่า “การพัฒนา NeEC ต้องมีโครงสร้างการเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบผ่านโมเดล CIGUS+F ได้แก่ Community, Industry, Government, University, Society, และ Financial institute โดยเชื่อมโยงองค์ความรู้ เทคโนโลยี การเงิน และตลาด เข้ากับเกษตรกรและผู้ประกอบการในแต่ละกลุ่มพื้นที่ สร้างให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ที่มีความยืดหยุ่นและตอบโจทย์ในพื้นที่จริง รวมทั้งเพื่อเป็นกลไกการจัดการเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ โดยสร้างการเชื่อมโยงระหว่างเกษตรกร ผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัย และภาครัฐ พร้อมระบบการเงินที่เอื้อต่อการลงทุนฐานราก”
 
           
ส่วยไฮไลท์สำคัญของการประชุมคือความร่วมมือระหว่างไทย–จีน โดยเฉพาะความร่วมมือกับ สถาบันวิจัยพืชเขตร้อนแห่งชาติจีน (CATAS) ซึ่ง Prof. Li Qiong ตัวแทนจาก TCGRI, Chinese Academy of Tropical Agricultural Sciences มาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับ เทคโนโลยีการปรับปรุงพันธุ์พืชเศรษฐกิจ การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น มะม่วง ทุเรียน ลำไย และมันสำปะหลัง รวมถึงการพัฒนาห้องปฏิบัติวิเคราะห์คุณภาพสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก และโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง สมุนไพร และผลไม้ ร่วมกันในอนาคต
 
             
Mr. Dong Jia ผู้แทนจาก Kunming Pilot Free Trade Zone ประเทศจีน ได้เสนอแนวคิด การจัดตั้ง “Korat Free Trade Zone” เพื่อเป็นประตูเศรษฐกิจใหม่ของภูมิภาค โดยชูแนวคิดการสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างเมืองโคราชและคุณหมิง ผ่านระบบโลจิสติกส์ การแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมอาหาร สมุนไพร และสินค้านวัตกรรม โดยระบุว่า “Korat–Kunming Free Trade Linkage will serve as a new Silk Road for agricultural and food-based cooperation. This is not just about trade—but building a long-term friendship between two cities with great economic potential in Belt Road Initiative (BRI).”

ว่าที่ ร้อยโท ธีรภัทร ศรีคงอยู่ เกษตรอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ นักวิจัยร่วม กล่าวว่า “ภาคราชการระดับพื้นที่พร้อมเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการรวมกลุ่มเกษตรกร การพัฒนาแปลงเรียนรู้ และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะการสนับสนุนให้เกิดระบบคลัสเตอร์ และการถ่ายทอดงานวิจัยที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละตำบล”
 
นางสาวอมรรัตน์ พิมพ์สิงห์ ประธานสภาองค์กรชุมชน โซน 10 จังหวัดนครราชสีมา นักวิจัยร่วม ได้กล่าวถึงบทบาทภาคประชาชนว่า “ชุมชนต้องไม่เป็นเพียงผู้รับ แต่ต้องเป็นเจ้าของการพัฒนาอย่างแท้จริง การมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เป็นหัวใจของความยั่งยืน และสภาองค์กรชุมชนพร้อมเป็นแกนกลางเชื่อมโยงระหว่างชาวบ้านกับภาควิชาการและหน่วยงานรัฐ”
 
ผศ.ดร.กำไร เบือนสันเทียะ ผู้ก่อตั้งสำนักงานเศรษฐกิจโคราช (KEA) กล่าวว่า KEA เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย งานในวันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการร่วมกันออกแบบ “ระบบความร่วมมือเชิงพื้นที่” ที่เชื่อมโยงความรู้ เทคโนโลยี การค้า และอุตสาหกรรม เข้ากับบริบทของพื้นที่อย่างแท้จริง เพื่อร่วมกันขับเคลื่อน การเปลี่ยนแปลงชนบท ลดความยากจน และสร้างความเจริญที่ยั่งยืนในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ทั้งนี้ NeEC ในวันนี้มิใช่เพียงพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ของไทย หากแต่กำลังเป็น ต้นแบบของ “พื้นที่เชิงยุทธศาสตร์” ที่สามารถสะท้อนให้เห็นว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม สามารถเข้าไปอยู่ในหัวใจของการพัฒนาชนบท และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ การพัฒนาต้องตั้งอยู่บนความเข้าใจ “ตัวตนของพื้นที่” และการมีส่วนร่วมของคนในท้องถิ่น การประชุมในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการร่วมกันออกแบบ “ระบบความร่วมมือเชิงพื้นที่” ที่ตอบโจทย์อนาคตของภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการยกระดับเศรษฐกิจชนบท ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน บนฐานของ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน สิ่งสำคัญที่สุดในการพัฒนา NeEC ไม่ใช่เพียงการลงทุน หรือการส่งเสริมอุตสาหกรรม แต่คือการออกแบบอุตสาหกรรมที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ (Area-Based Industry) ที่ตอบสนองความเป็นจริงของชุมชนและประชาชน

ในการประชุมครั้งนี้ ได้ข้อสรุปร่วมกันและแผนงานระยะต่อไป ดังนี้
           
1. เสนอจัดตั้ง Korat Free Trade Zone (KFTZ) เชื่อมโยงโดยตรงกับ Kunming Pilot Free Trade Zone เพื่อรองรับการลงทุน การค้าชายแดน และการแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรและอาหาร รวมทั้งสินค้านวัตกรรมระหว่างประเทศฃ
           
2. จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมการใช้ประโยชน์งานวิจัย (Research Utilization Center) และพัฒนา “Korat Agro–Food Industrial Estate” พร้อมโครงการ Korat Cassava Complex, Herbal Complex, และ Smart Logistics Center
           
3. สร้างคลัสเตอร์เกษตรกรและผู้ประกอบการในรูปแบบ SIE (Social Integrated Enterprise) เพื่อยกระดับรายได้เฉลี่ยครัวเรือน และเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังบริโภคเป็น 7.5 ตัน/ไร่ ภายใน 4 ปี
            
4. พัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยี (App Tech, E-Commerce, Traceability) สำหรับ SME ท้องถิ่น และเชื่อมโยงกับระบบตลาดของจีน-อาเซียน
            
5. ดำเนินการจัดทำ Strategic Proposal เพื่อขอรับการสนับสนุนจากแหล่งทุนระดับนานาชาติ ได้แก่ BRI, GMS, LMC, และ China–ASEAN Cooperation Funds
 
การประชุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเชิงยุทธศาสตร์ที่จะนำไปสู่การเสนอโครงการต่อแหล่งทุนในประเทศ เช่น หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท), งบกลางรัฐบาลไทย และแหล่งทุนระหว่างประเทศ เช่น BRI, GMS, และ LMC เพื่อยกระดับเกษตรกร เศรษฐกิจฐานราก การพัฒนาชนบท และการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างยั่งยืนต่อไป