อำเภอนาโพธิ์ / สองสามีภรรยา อายุ 62 ปีหวังใช้ชีวิตอยู่ปลายนา 11 ไร่ล้อมรั้วกันคนร้ายมาขโมยของ โดนผู้ใหญ่บ้านตัดน้ำประปาหมู่บ้าน ให้เหตุผลไม่เปิดทางเดินให้ชาวบ้านเทียวไปหาศาลปู่ตา ป้าลุงชี้ทำทางให้แล้วอีกทางหนึ่งแต่ผู้ใหญ่บ้านไม่ชอบ ที่ล้อมรั้วเพราะของหาย ขณะผู้ใหญ่บ้านระบุของหายเป็นเรื่องธรรมชาติ

วันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่บ้านโพธิ์พัฒนา ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ว่าไม่ได้รับเป็นธรรมจากผู้นำชุมชน ที่เข้าไปตัดน้ำประปาหมู่บ้านไม่ให้ใช้ต่อ ทั้งที่ไม่เคยค้างค่าน้ำ และอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือผู้รู้กฎหมายมาชี้แนะเพราะกำลังได้รับความเดือดร้อน

ตรวจสอบพบนายฉลู เปรียวไธสง อายุ 62 ปี และนางบุษกร เปรียวไธสง อายุ 62 ปี  สองสามีภรรยาอยู่บ้านเลขที่ 222 ม.13 ต.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ผู้ร้องเรียน อาศัยอยู่ในที่นาของตนเองท้ายหมู่บ้านโพธิ์พัฒนา 

นายฉลูกับภรรยา เล่าว่าก่อนหน้านี้มีชาวบ้านมาเลี้ยงศาลปู่ตาประจำหมู่บ้านซึ่งอยู่ด้านหลังของที่ดินของตน เห็นผู้ใหญ่บ้านเดินมาหาตนถามว่าทำอะไร ตนตอบไปว่าผมก็นาของผมทำด้วยตัวเอง ผู้ใหญ่บ้านตอบมาว่า”ทำอะไรทำไมไม่ปรึกษา”

คาดว่าผู้ใหญ่บ้านอาจจะไม่พอใจที่ตนล้อมรั้วไม่อยากให้ตนล้อมเพราะชาวบ้านจะใช้ที่ดินของตนเดินเข้าไปศาลปู่ตาประจำหมู่บ้าน ซึ่งขัดกับแนวคิดของตนที่ต้องการล้อมรั้วเพื่อต้องการเป็นส่วนตัว ป้องกันโจรผู้ร้ายที่มักจะมาขโมยทรัพย์สินของตนเป็นประจำ ประกอบกับเป็นที่ดินที่มีโฉนดเป็นของตนจำนวน 11 ไร่

โดยก่อนที่ตนจะล้อมรั้วตนได้ทำทางเข้าศาลปู่ตาให้อีกทางหนึ่งไว้แล้ว แต่ผู้ใหญ่บ้านไม่ชอบไปอีกทางหนึ่งต้องการเดินเทียวผ่านที่ของตน หลังจากนั้นผู้ใหญ่บ้านได้เรียกชาวบ้านไปประชุมแล้วลงมติตัดน้ำประปาของตนทันทีโดยไม่มีเหตุผลอื่น จึงอยากจะร้องขอความเป็นธรรมว่าตนผิดอะไร จึงไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้วไปร้องต่อศูนย์ดำรงธรรมในอำเภอ

ด้านนางเยาวมาลย์ รักงาม ผู้ใหญ่บ้าน บ้านจอก หมู่ที่ 3 ได้ออกมาระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า วันนั้นคือวันที่ชาวบ้านไปทำบุญที่ศาลปู่ตา หลังจากมาคุยกับลุงแล้วจึงไปแจ้งให้กับชาวบ้านว่าลุงกับป้าเจ้าของที่ไม่ให้พวกเราใช้ถนนเส้นนี้แล้วจะให้ไปใช้ถนนอีกเส้นหนึ่ง

แต่ถนนอีกเส้นหนึ่งเป็นที่ของอีกคนหนึ่งเกรงว่าจะมีปัญหาเหมือนเส้นทางนี้ จริงแล้วถนนเส้นนี้พ่อใหญ่แม่ใหญ่เขาให้เดินได้ พอตกรุ่นลูกรุ่นหลานเขาก็จะไม่ให้เทียวเข้าออก

จากนั้นจึงประชุมกันว่าถ้าเขาไม่ให้เดินเท่ากับเขาไม่มีน้ำใจให้กับคนบ้านเรา ซึ่งน้ำประปาเป็นของหมู่บ้านถ้าใครจะมาใช้จะต้องประชาคมหมู่บ้าน ดูไปแล้วสองสามีภรรยาไม่มีน้ำใจเคยให้เทียวผ่านได้เดี๋ยวนี้ไม่ได้ เท่ากับพึ่งพาอาศัยไม่ได้ยอมรับสั่งตัดน้ำทันที

นางเยาวมาลย์ กล่าวด้วยว่าจริงแล้วลูกบ้านถ้าจะล้อมรั้วหรือจะไม่ให้ใครเดินผ่านทางจะต้องไปแจ้งหรือมาปรึกษาผู้ใหญ่บ้านก่อนไม่ใช่จะทำโดยพละการแบบนี้ ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้งที่ตัดน้ำประปาออก ส่วนกรณีที่สองสามีอ้างว่าผักที่ปลูกไว้มีคนมาขโมย ตนจึงบอกว่าการถูกขโมย”เป็นเรื่องธรรมชาติ”ที่ของจะหายในหมู่บ้านหรือชุมชน ผู้ใหญ่บ้านกล่าว

เบื้องต้น สองสามี ภรรยา ไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าถูกตัดน้ำประปา กับ ร.ต.อ.อนุเปรม ทุมนานอก รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์