วันพฤหัสบดี ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568 20:44 น.

ภูมิภาค

ชาวบ้านเดือด!บุกอำเภอ ทวงคืนเงินกองทุนถูกโกง

วันพุธ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 12.18 น.

อำเภอคูเมือง/ชาวบ้าน อ.บ้านด่าน เหมารถสองแถวบุกมาทวงเงิน ผู้ช่วยเสมียนตราอำเภอคูเมือง พร้อมอ่านแถลงการณ์ หลังก่อนหน้าได้เชิดเงินกองทุนหมู่บ้าน กว่า 3.6 ล้านด้วยวิธีสกปรกแล้วย้ายมาอยู่ อ.คูเมือง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทวงถามกลับท้าฟ้อง ชาวบ้านเผยตอนนี้อยากได้กองทุนคืนคือ 1 ล้านบาท ที่เหลือจะอุทิศส่วนกุศลไปให้


วันที่ 11 มิ.ย.68 ตัวแทนชาวบ้านบ้านโนนสวรรค์ หมู่ 5 ต.บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ กว่า 50 คน ลงทุนเหมารถสองแถวจาก อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เดินทางไปที่หน้าที่ว่าการอำเภอคูเมือง จ.บุรีรัมย์ 

 


เพื่อยืนหนังสือขอความเป็นธรรมและอยากให้นายอำเภอคูเมือง ช่วยหาแนวทางเอาเงินจาก นส.ป.ทำงานตำแหน่งผู้ช่วยเสมียนตรา ของ อ.คูเมือง ที่เพิ่งย้ายมาจาก อ.บ้านด่าน ชาวบ้านระบุว่า นางสาว ป.มีส่วนพัวพันเงินทุนหมู่บ้านมากว่า 3.6 ล้านบาท


ด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจตัวแทนชาวบ้าน ถึงกับอ่านหนังสือร้องเรียนเป็นแถลงการณ์ต่อหน้านายณัฎฐ์ณภัทร พรมคำน้อย ปลัดอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรม อำเภอคูเมือง ผู้แทนนายอำเภอคูเมือง ที่มารับเรื่องร้องเรียน

 


ตัวแทนชาวบ้านได้อ่านแถลงการณ์ระบุ นางสาว ป.ซึ่งเคยได้รับตำแหน่งเหรัญญิก ของกองทุนหมู่บ้านโนนสวรรค์ ก่อนจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่ขึ้นมา แต่ นส.ป.ไม่ยอมให้เอกสารใดๆกับคณะกรรมการชุดใหม่ นส.ป.ยังทำหน้าที่เป็นเหรัญญิกเหมือนเดิม 


นางสาวสุพัตรา เกื้อทาน อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 39 ม.5 บ้านโนนสวรรค์ ต. บ้านด่าน อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ เล่าว่าเรื่องทั้งหมดมาแดงตอนปี 2567 มีข้อมูลออกมาว่าชาวบ้านที่กู้เงินเพียง 20,000-30,000 บาท แต่มีหลักฐานออกมาเป็นกู้ 50,000-100,000 บาท จนกระทั่งมาทราบว่าเงินในระบบซึ่งคาดว่ามีมากกว่า 3,600,000 บาท ได้หายไปทั้งหมด หลังจากนั้น นางสาว ป.ก็ย้ายไปอยู่ อ.คูเมือง

 


ชาวบ้านพยายามติดตามทวงถามถึงเงินที่หายไป แต่ นางสาว ป.กลับไม่สนใจ อ้างว่าชาวบ้านมากู้เงินก็ให้ ทั้งที่ชาวบ้านบางคนไม่เคยกู้เงินกองทุน แต่ยังมีชื่อเป็นคนกู้ หลังจากนั้นตัวแทนชาวบ้านได้ไปแจ้งความให้เอาผิดไว้ที่ สภ.บ้านด่าน แต่เรื่องก็เงียบไปอีก สุดท้าย นางสาว ป.ท้าให้ชาวบ้านไปฟ้องเอาเอง 

 


การที่ชาวบ้านเดินทางมาครั้งนี้ยอมรับว่าแต่ละคนมีแต่ความเจ็บช้ำน้ำใจ ที่กองทุนเริ่มมีเงินล้านครั้งแรก จนขยายกิจการมีเงินดอกเพิ่มขึ้นรวมแล้วกว่า 3.6 ล้านบาท จนธนาคารชื่นชมว่าบริหารเงินได้ดี จึงอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ ตอนนี้ชาวบ้านไม่หวังอะไร ขอแค่ให้เงิน 1 ล้านบาทที่เป็นทุนครั้งแรกกลับมาก็พอจะเอามาเริ่มต้นใหม่กันเอง ส่วนเงินที่เหลืออีก 2.6 ล้านบาท ชาวบ้านบอกจะอุทิศส่วนกุศลให้

 

 

 

 

หน้าแรก » ภูมิภาค