เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณถนนภายในหมู่บ้านบ้านทุ่งมน ตำบลทุ่งมน อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำป่าที่ไหลหลากเข้าหมูบ้านแล้วกัดเซาะผิวถนนจนกลายเป็นคลองและพื้นถนนได้รับความเสียหายเป็นระยะทางยาวเกือบ 300 เมตร ปัจจุบันไม่เหลือสภาพให้เป็นถนนที่จะใช้สัญจรไปมาได้อีกเลย โดยมีลักษณะเป็นคลองที่ถูกน้ำกัดเซาะอย่างรุนแรง

นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังมีกำแพงบ้านเรือนของชาวบ้านซึ่งเป็นกำแพงอิฐบล็อกก็ได้รับผลกระทบพังถล่มลงทั้งแถบและผิวถนนบริเวณหน้าบ้านพักยังถูกกระแสน้ำกัดเซาะจนเป็นหลุมลึกกว่า 2 เมตร การเดินทางเข้าออกบ้านเป็นไปด้วยความยากลำบากโดยเฉพาะรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไม่สามารถที่จะเข้าออกบ้านได้เลย เนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 10 มิถุนายนต่อเนื่องวันที่ 11 มิถุนายน 2568 ในพื้นที่มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงจนทำให้มีปริมาณน้ำฝนสะสมเป็นจำนวนมากประกอบกับมีน้ำป่าที่ไหลมาจากป่าชุมที่อยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านไหลหลากเข้าในหมู่บ้านแล้วกัดเซาะพื้นถนนจนกลายเป็นคลองเนื่องจากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวแรงส่งผลให้ถนนได้รับความเสียหายและบ้านเรือนชาวบ้านได้รับผลกระทบตามไปด้วย 

อย่างไรก็ตามองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งมน ได้นำรถแบคโฮเข้าไปปรับแต่งผิวถนนที่ชำรุดพร้อมกับขุดเป็นร่องเพื่อเปิดทางน้ำใหม่ป้องกันไม่ให้ไปกระทบกับบ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหากมีฝนตกลงมาเพิ่มอีก 

นายชัยวัฒน์ สายสีแก้ว นายก อบต.ทุ่งมน กล่าวว่า เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้เป็นพื้นที่ลาดเอียงและอยู่ติดกับพื้นที่ป่าชุมชนเมื่อถึงฤดูฝนของทุกปีก็มักจะมีปริมาณน้ำฝนสะสมและเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าไปภายในหมู่บ้านเป็นประจำทุกปีอย่างที่เห็น ซึ่งจุดดังกล่าวโดนน้ำป่าซัดรุนแรงมาก เนื่องจากเดิมถนนตรงนี้เป็นถนนคอนกรีตแต่ใช้งานมานานจนผิวถนนชำรุด ต่อมาทาง อบต.ทุ่งมนได้รับงบอุดหนุนจึงได้ว่าจ้างให้ผู้รับเหมาเข้าไปดำเนินกาเทคอนกรีตใหม่ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการปรับพื้นที่และบดอัดพื้นถนน แต่ได้เกิดฝนตกหนักในคืนวันที่ 10 ต่อเนื่องวันที่ 11 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้มีน้ำป่าไหลหลากเข้าหมู่บ้านและหระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวแรงได้กัดเซาะและซัดผิวถนนพังเสียหายจนหลายเป็นคลองอย่างที่เห็น เบื้องต้นตนและเจ้าหน้าที่ได้เร่งช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบและนำเครื่องจักรเข้าปรับพื้นถนนใหม่พร้อมกับได้เปิดทางใหม่เพื่อไม่ให้กระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ถ้าหากมีฝนตกลงมาอีก อย่าวไรก็ตามทาง อบต.อยากแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน แต่ติดขัดเรื่องงบประมาณที่ไม่เพียงพอ จึงอยากของบอุดหนุนจากส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาไขปัญหาให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบอย่างจริงจัง