จากกรณีที่ น.ส.อิ่มจิตต์ เม่งวิสัย อายุ 57 ปี ลูกจ้างร้านตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ แจ้งความดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.นายหนึ่งและอดีตภรรยา ฐานฉ้อโกงเงินกว่า 1 ล้านบาท โดยกล่าวหาว่าอดีตภรรยาของนายตำรวจทำทีตีสนิทเพื่อขอเซ้งร้าน อ้างต้องใช้เงินดำเนินเรื่องเดินทางระหว่างประเทศ ก่อนหลอกให้โอนเงินผ่านบัญชีของอดีตสามี ตำรวจสังกัดภูธรจังหวัดระนอง กระทั่งรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองชุมพร

ล่าสุด วันที่ 14 มิถุนายน 2568 ที่ร้านตู้ซักผ้าหยอดเหรียญในปั๊มน้ำมันเขตเทศบาลเมืองชุมพร น.ส.อิ่มจิตต์ ได้ถอนแจ้งความอย่างเป็นทางการ หลังได้รับการชี้แจงและเอกสารหลักฐานจาก นางพาขวัญ อดีตภรรยา ร.ต.อ. และตัว ร.ต.อ.เอง โดยมีการนำสลิปโอนเงิน บันทึกลายมือการรับจ่าย และข้อความแชตยืนยันว่า ยอดหนี้ที่แท้จริงอยู่ที่ 395,080 บาท โดยได้ชำระคืนแล้ว 388,999 บาท เหลือยอดคงค้างเพียง 6,081 บาท

น.ส.อิ่มจิตต์ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้ตรวจสอบรายการเดินบัญชีอย่างละเอียด จึงเกิดความเข้าใจผิดคิดว่าสูญเงินไปกว่าล้านบาท หลังได้รับการชี้แจงจึงตัดสินใจถอนแจ้งความ และไม่คิดฟ้องร้องกลับแต่อย่างใด

ร.ต.อ.เจ้าของบัญชีที่ถูกใช้โอนเงิน ระบุว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยืมเงิน และบัญชีดังกล่าวให้อดีตภรรยาใช้อยู่แล้ว พร้อมยืนยันว่าตลอดเวลามีการพูดคุยติดต่อกันทางแชต ไม่ได้หลบหนีหรือหลอกลวง พร้อมเผยว่าไม่คิดแจ้งความกลับ เพราะสงสารอีกฝ่ายซึ่งเป็นลูกจ้างรายวัน และมองว่าเรื่องราวก็ยืดเยื้อพอแล้ว

ด้านนางพาขวัญ ยอมรับว่า หลังเป็นข่าวรู้สึกทุกข์ใจและเสียใจที่ทำให้สังคมเข้าใจผิด และดึงอดีตสามีเข้ามาเกี่ยวข้องจนถูกต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ยืนยันว่าอดีตสามีเป็นคนดีและไม่เคยก่อเรื่องเสื่อมเสีย พร้อมวอนให้สังคมเข้าใจว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดจากความเข้าใจผิด และตอนนี้ทุกอย่างได้จบลงด้วยดีแล้ว

“วันนี้ความจริงกระจ่างแล้ว ปัญหาทุกอย่างจบแล้ว ดิฉันรู้สึกสบายใจ” นางพาขวัญกล่าวทั้งน้ำตา