วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568 11:50 น.

ภูมิภาค

แรงงานกัมพูชาปรับตัวรับมาตรการเข้มชายแดน หันใช้จยย.แทนการเดินเท้า หลังมาตรการเปิด–ปิดด่านเปลี่ยนแปลง

วันเสาร์ ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 12.18 น.

วันที่ 21 มิ.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์ความไม่ปกติบริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต้นมา ได้มีการปรับลดเวลาเปิด–ปิดด่านจากเดิม 06.00–22.00 น. เหลือเพียง 08.00–16.00 น.  เพื่อควบคุมความเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดน แม้จะผ่านมากว่า 14 วันแล้ว แต่การปฏิบัติจริงของทั้งสองฝ่ายยังคงอยู่ในกรอบเวลาเดิม โดยเฉพาะฝั่งกัมพูชาซึ่งเริ่มเปิดด่านในเวลา 09.00 น. และได้ใช้มาตรการตอบโต้โดยการห้ามนำเข้าพืชผักและผลไม้จากประเทศไทยอย่างเด็ดขาด ซึ่งเป็นการดำเนินการโดยฝ่ายกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ต่อมาเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 กองกำลังบูรพาได้มีหนังสือถึงตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะการจำกัดการเดินทางของคนไทยที่ทำงานในบ่อนการพนัน กาสิโน และสถานบันเทิงฝั่งปอยเปต ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยผ่านทุกจุดผ่านแดนในชายแดนจังหวัดสระแก้ว

 

ซึ่งจากการสังเกตของผู้สื่อข่าว พบว่าบริเวณขาออกประเทศ โดยเฉพาะก่อนเข้าสู่กระบวนการตรวจคนเข้าเมือง มีจำนวนคนไทยเดินทางลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากมาตรการควบคุมดังกล่าว ขณะที่ฝั่งขาเข้าประเทศ บริเวณด้านหน้าจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ยังคงมีประชาชนชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติจำนวนมากเดินทางเข้าสู่จุดดำเนินการของด่านตรวจคนเข้าเมือง โดยเฉพาะช่วงเวลาใกล้ 09.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ฝั่งกัมพูชาเปิดด่านอย่างเป็นทางการ

 

นอกจากนี้ ยังพบว่าชาวกัมพูชาหลายคนหันมาใช้รถจักรยานยนต์ในการเดินทางข้ามแดนแทนการเดินเท้ามากขึ้น โดยเฉพาะแรงงานที่เข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ จากการสอบถามแรงงานชาวกัมพูชารายหนึ่ง เปิดเผยว่า ปกติเดินเท้าเข้ามาทำงาน แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน มีห้วงระยะเวลาในการทำงาน ประมาณ 8 ชั่วโมง ยิ่งต้องเร่งรีบมากขึ้น จึงตัดสินใจใช้รถจักรยานยนต์เพื่อให้เดินทางสะดวกและรวดเร็วกว่า ซึ่งข้อมูลนี้ก็สอดคล้องกับทางด้าน ด่านศุลกากรอรัญประเทศ ที่ระบุตัวเลขรถจักรยานยนต์ขาเข้าประเทศรายวัน มีรถจักรยานยนต์เข้ามาอยู่ราว 1,100 คัน ซึ่งตัวเลขนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงสถานการณ์ปกติราว 10% โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ก็น่าจะเป็นผลมาจากการปรับตัวของประชาชนในพื้นที่ชายแดนต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และยังต้องจับตาว่าทั้งสองประเทศจะมีแนวทางในการคลี่คลายหรือยกระดับมาตรการเพิ่มเติมในอนาคตอย่างไรหรือไม่

หน้าแรก » ภูมิภาค