วันพฤหัสบดี ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568 13:59 น.

ภูมิภาค

ค้นหาเบอร์ 1 อินทผลัมไทย! “หนองกี่” คึกคัก ชิมคัดพันธุ์หวังดันสู่ตลาดโลก

วันอังคาร ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 19.35 น.

อำเภอหนองกี่ / จัดงาน”ชิมอินทผลัมแห่งประเทศไทยครั้งที่ 1”มีผู้ปลูกจากทั่วประเทศนำผลผลิตมาร่วมคัดกรองหาพันธุ์ไทย ให้เจ้าของสวนชิมอินผลัมแต่ละสวนร่วมกันชิมโดยไม่แจ้งชื่อแล้วลงคะแนนลับอีสานคว้า “ท็อปโฟร์” เผยพบสายพันธุ์ไทยไม่ฝาดเหมือนพันธุ์ ปตท.อยากให้รัฐหนุนผลักดันสู่ตลาดต่างประเทศ


เมื่อวันที่ 22 มิ.ย 2568 ที่ “ภูธารา กรีนปาร์ค” สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้จัดกิจกรรม “งานชิมอินทผลัมแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1 เพื่อคัดและค้นหาสายอินผลัมพันธุ์ไทยให้มีคุณภาพ 

 

 

บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้ปลูกอินผลัมจากทุกภาคของประเทศกว่า 150 คนเดินทางมาร่วมงาน มีเจ้าของสวนนำผลผลิตอินผลัม มาคัดกรองเพื่อลงคะแนน ด้วยวิธีนำผลผลิตแต่ละสวนจำนวน 23 สวน มาใส่กล่องรวมกันโดยไม่ระบุที่มาของสวน


จากนั้นให้ผู้ที่เข้าร่วมงานรวมถึงเจ้าของสวนจำนวน 150 คน ชิมและให้คะแนนความกรอบ ,รสชาติและรูปทรงของผลอินผลัม โดยแต่ละผลของอินผลัมจะไม่ระบุที่มาว่ามาจากสวนไหน

 


โดยอินผลัมที่ได้คะแนนสูงสุด อันดับ 1-3 ได้แก่ สวนอินผลัมจากสวนบุญมาก เดทปาล์ม จังหวัดนครราชสีมา ,สวนอวยพร(3เหรียญการ์เด้น)จังหวัดอุดรธานี และสวนกอบกุล เดทปาล์มมาจากจังหวัดศรีสะเกษ ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจหาเพศอินผลัมอีกด้วย

 

 

นายภูษิต ปาประโคน เจ้าของภูธารา กรีนปาร์คสถานที่จัดงาน กล่าวว่าปีนี้ถือเป็นปีแรกที่มีการจัดงานในลักษณะนี้ เพราะที่ผ่านมากลุ่มผู้ปลูกอินผลัม ไม่มีใครระบุได้ว่ารสชาติของแต่ละสวนเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่เมื่อไปชมสวนคนอื่นก็มักจะบอกว่ารสชาติดี เพราะเกรงจะเสียน้ำใจ


การเอานักชิมและเอาผลผลิตมารวมกันแล้วแยกเป็นหมายเลขโดยไม่บอกว่าลูกไหนเป็นสวนของใคร ถือว่าเป็นการวัดคุณภาพได้ในระดับหนึ่ง เพราะเท่ากับมีกรรมการกว่า 150 คน


นายภูษิต กล่าวด้วยว่าก่อนหน้านั้นพันธุ์อินผลัมจะเป็นพันธุ์เนื้อเยื่อนำเข้าจากต่างประเทศ แต่หลังจากนั้นคนไทยได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ด้วยการเอาเมล็ดมาเพาะ แล้วตามหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์แต่ละสวน จนปัจจุบันเรียกได้ว่าอินผลัมพันธุ์ไทยไม่มีรสฝาดแล้ว แต่ละสวนที่พัฒนาสายพันธุ์สามารถขายได้ตั้งแต่ กก.ละ 400-10,000 บาท

 




ส่วนอินผลัมพันธุ์เนื้อเยือมีนำเข้าจากต่างประเทศ จะออกผลผลิตในปลายเดือนกรกฏาคมนี้พร้อมกัน และคาดว่าน่าจะมากหลานแสนตัน มีโอกาสที่จะได้เห็นอินผลัม กก.ละ 100 บาทจากเคยขายได้ถึง กก.ละ 500-600 บาท


ขณะนายสุดตา ประธานกลุ่มผู้ปลูกอินผลัม กล่าวว่าตอนนี้พันธุ์ไทยกำลังไปได้ดีเพราะพัฒนากันมานานหลายปีจนได้คุณภาพดีกว่าต่างประเทศโดยเฉพาะพันธุ์กินรี จากสวนอินสยาม ตอนนี้เจ้าของสวนขายได้ถึงเม็ดละ 500 บาท (22 เม็ด/กก.) คนแห่ไปซื้อเพื่อเอามาทำเป็นพันธุ์ ส่วนหนึ่งก็อยากจะให้รัฐบาลสนับสนุนด้านวิชาการให้กับเกษตรกร และอยากให้หาตลาดต่างประเทศ หากไปได้เชื่อว่าอินผลัมจะเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกและจะมีเม็ดเงินเข้าประเทศมหาศาลเช่นเดียวกัน




 

หน้าแรก » ภูมิภาค