จากกรณีเกิดเหตุนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่งตัวคล้ายทหารพราน 1 คนและแต่งชุดธรรมดาอีก 1 คน ไปชกหน้าทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ขณะที่กำลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยและอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ก่อนวิ่งหนีเข้ามายังเขตไทย ท่ามกลางความตกใจของนักท่องเที่ยว และทหารที่อยู่ประตูทางเข้าปราสาทสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ทั้ง 2 คน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พนมดงรัก ดำเนินการต่อ

ต่อมา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือ นายสมหมาย อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย ส่วนผู้ก่อเหตุได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ล่าสุดผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ ได้ลงพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวไทยทั้งในพื้นที่จ.สุรินทร์และต่างจังหวัด เข้ามาชมตัวปราสาทและมอบสิ่งของเป็นกำลังใจทหารไทยกันอย่างต่อเนื่องทั้งวัน ขณะที่นักท่องเที่ยวฝั่งกัมพูชาก็มีมาด้วยเช่นกันแต่ไม่มากนัก โดยมีทหารชุดประสานงานไทยและกัมพูชา คอยอำนวยความสะดวกอยู่ในพื้นที่ตัวปราสาทตาเมือนธม แต่ไม่พบทหารกัมพูชาที่โดนชกเมื่อวานแต่อย่างใด

ทั้งนี้ในส่วนของการดำเนินการด้านคดีกับคนที่ไปชกทำร้ายทหารกัมพูชานั้น พ.ต.อ.นพดล พินิจอักษร ผกก.สภ.พนมดงรัก กล่าวว่า คนที่ทำร้ายทหารกัมพูชาคือนายสมหมาย อดีตทหารพราน อายุ 60 ปี เป็นชาวจังหวัดนครปฐม และนายปฐมพง์  อายุ 50 ปี เป็นชาวจังหวัดนนทบุรี จากการให้การของบุคคลทั้ง 2 ว่าได้มาเยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธม เมื่อเข้ามาถึงที่เกิดเหตุที่หน้าทางเข้าปราสาทตาเมือนธม ก็ได้พบกับทหารกัมพูชาและได้มีการพูดจากัน สื่อสารกันไม่เข้าใจ ก็เลยเกิดคงามไม่เข้าใจกัน จึงได้ร่วมกันทำร้ายทหารเขมรคนดังกล่าว โดยชกคนละครั้ง ตามที่ปรากฏในคลิปข่าว เจ้าหน้าที่ทหารไทยที่อยู่จุดนั้นได้เข้าไปห้ามปรามและควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน นำส่งที่ สภ.พนมดงรัก เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

เบื้องต้นได้รับเรื่องร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญา เมื่อวานนี้ ซึ่งในขั้นตอนการสอบสวนนั้น ล่าสุดนี้ได้ให้พนักงานสอบสวนไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่ปราสาทตาเมือนธม เพื่อประสานทางเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อจะเชิญตัวทหารกัมพูชามาให้ปากคำได้หรือไม่ เพื่อให้แพทย์ตัวร่างกายได้หรือไม่ อยู่ระหว่างการดำเนินการ เพื่อจะได้แจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน อีกครั้งซึ่งความผิดฐานทำร้ายร่างกาย พนักงานสอบสวนไม่สามารถเปรียบเทียบปรับได้ ต้องส่งฟ้องที่ศาลแขวงสุรินทร์ต่อไป

ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เมื่อมาพบพักงานสอบสวน ก็จะข้อหาให้รับทราบอย่างไรต่อไป ซึ่งก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อนว่าคนเจ็บมากน้อยขนาดใหน จึงจะแจ้งข้อหาที่ชัดเจนต่อไป ซึ่งเมื่อวานเป็นการตั้งข้อหาในเบื้องต้น เนื่องจากมีผู้มาแจ้งคดีอาญา ตอนนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนและเก็บพยานหลักฐานเพื่อจะสรุปสำนวนที่ชัดเจนแจ้งข้อหาความผิดฐานใด ในส่วนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ถือว่าเป็นการมาพบพนักงานสอบสวน ยังไม่ได้หลบหนีไปไหน สามารถเรียกตัวมาแจ้งข้อหาได้ เพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป

ซึ่งจะต้องสอบสวนให้แน่ชัด เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดำเนินการ เพื่อให้รู้ว่าจุดเกิดเหตุปราสาทตาเมือนธมนั้นเป็นผืนแผ่นดินไทย การกระทำผิดไม่ว่าผู้ใดบนผืนแผ่นดินไทย ต้องเคารพกฎหมายและขึ้นศาลไทย ยืนยันว่าตรงนี้คือประเทศไทย