สืบเนื่องนายนันทวิทย์ นาคแสง ปลัดจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายจักรประพันธ์ ป้อมศรี จ่าจังหวัดนครพนม และคณะกรรมการตรวจสอบสถานที่เล่นการพนันชนไก่ จังหวัดนครพนม ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่เล่นการพนันไก่ชนในหลายอำเภอ เพื่อประกอบการพิจารณาต่ออายุและออกใบอนุญาต รวมทั้งสนามไก่ชนที่ยื่นขอขึ้นทะเบียนใหม่ โดยเป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการพนันชนไก่และกัดปลา พ.ศ. 2552 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ผลการพิจารณาจากคณะกรรมการ จะได้นำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พิจารณาอนุมัติออกใบอนุญาต ให้ใช้เป็นสถานที่เล่นการพนันชนไก่ที่ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป

ต่อมา นายสมศักดิ์ บุญจันทร์ นายอำเภอเมืองนครพนม ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการลักลอบเล่นการพนัน (ชนไก่) เอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต พิกัดอยู่ในซอยลึกห่างไกลชุมชนพอสมควร จึงส่งสายสืบไปตรวจสอบข้อเท็จจริง พบสร้างเป็นอาคารสูงโปร่งดัดแปลงเป็นสนามชนไก่ อยู่บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ชุมชนบ้านท่าควาย เขตเทศบาลเมืองนครพนม โดยจัดพื้นที่เป็นล่ำเป็นสัน คล้ายลักลอบพนันชนไก่มานานเป็นปี มีทั้งร้านอาหารตามสั่ง และแผงจำหน่ายอุปกรณ์เกี่ยวกับไก่ชน จึงสั่งการให้นายหมวดโทจักรพล เที่ยงภักดิ์ ปลัดอำเภอเมืองนครพนม ประสาน สภ.เมืองนครพนม ร่วมกันวางแผนเข้าทำการจับกุม

กระทั่ง วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ชุดปฏิบัติการพิฆาตบ่อนไก่ เดินทางไปยังสนามชนไก่ เห็นรถยนต์ทั้งเก๋งและกระบะ จักรยานยนต์จอดอยู่หลายสิบคัน ภายในอาคารมีนักพนันกลุ่มใหญ่นับร้อยคน กำลังส่งเสียงเชียร์ไก่ดังลั่น พอเจ้าหน้าที่เปิดประตูรถออกไป กลุ่มเซียนไก่เหมือนนัดกันไว้พยายามวิ่งหลบหนีคนละทิศคนละทาง ไม่เว้นแม้แต่ไก่ชนที่อยู่ในซุ้มประมาณ 30 ตัว ที่เจ้าของเตรียมประกบคู่ลงสนาม ซึ่งภายหลังทราบว่ามีไก่บางตัวราคาเฉียดแสนก็มี ก็ตื่นตกใจกระโจนดันซุ้มวิ่งหนีไปกับเขาด้วย แต่เจ้าหน้าที่ไล่ตัวมาพอเป็นหลักฐานได้ 2 ตัว พร้อมเซียนพนัน 11 คน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ในฐานความผิด “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีลักลอบเล่นการพนัน (ชนไก่) พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต” เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ซึ่งเซียนพนันรายหนึ่งกล่าวว่า ค่าปรับยังไม่เท่ากับไก่ชน ที่มีราคาหลักหมื่นเกือบแสนได้วิ่งหนีเข้าป่าไป และไม่รู้จะไปตามหาได้ที่ไหน