ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำไคร้ อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ นายวัลลภ หรั่งเพชร  นายอำเภอน้ำปาด    เป็นประธานเปิดการประชุมการมีส่วนร่วมของประชาชนในโครงการพัฒนาทางหลวงเพื่อรองรับการเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวและบริการงานก่อสร้างเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 117 ตอนควบคุม 0403 ตอนป่าขนุน-วังผาชัน โดยมีนายไชยศิริ คงพิม ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 1 กล่าวรายงาน ถึงวัตถุประสงค์ของโครงการพัฒนาทางหลวง เพื่อรองรับการเดินทางสู่แหล่งทองเทียวและบริการ งานก่อสร้างเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง ทางหลวงหมายเลข 117 ตอนควบคุม 0403 ตอน ป่าขนุน – วังผาชัน ระหว่าาง กม.292+475 - กม.294+550 กล่าวถึงหลักเหตุผลและความจำเป็น เนื่องจากทางหลวงหมายเลข 117 เป็นเส้นทางสายหลักที่สำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นเส้นทางไปยังอำเภอน้ำปาด อำเภอฟากท่า อำเภอบ้านโคกและด่านชายแดนถาวรภูดู่ เชื่อมต่อกับเมืองมรดกโลก หลวงพระบาง ประเทศสาธารณะรัฐประชาชนลาว - เมืองประวัติศาสตร์ มรดกโลก สุโขทัย ระเบียงเศรษฐกิจ LiMec ไทย พม่า ลาว ใช้เป็นเส้นทางท่องเที่ยว เชื่อมโยงการค้าชายแดน ขนส่งสินค้าทางการเกษตรรมอุตสาหกรรมและเป็นเส้นทางหลักเข้าสู่ตัวเมือง แขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 1 เห็นควรทำการก่อสร้างขยายความกว้างของผิวจราจร จากมาตราฐานทางชั้น 4(7/9) เป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษ (4 ช่องจราจร) ก่อสร้างเกาะกลางแบบยก แบ่งช่องจราจรและมีระบบรางระบายน้ำ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงและรองรับการ จราจรที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันและในอนาคต เป็นการอำนวยความสะดวกปลอดภัยแก่ผู้ใช้ทางหลวง

กล่าวถึงหลักเหตุผลและความจำเป็น เนื่องจากทางหลวงหมายเลข 117 เป็นเส้นทางสายหลักที่สำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นเส้นทางไปยังอำเภอน้ำปาด อำเภอฟากท่า อำเภอบ้านโคกและด่านชายแดนถาวรภูดู่ เชื่อมต่อกับประเทศสาธารณะรัฐประชาชนลาว ใช้เป็นเส้นทางท่องเที่ยว เชื่อมโยงการค้าชายแดน ขนส่งสินค้าทางการเกษตรรมอุตสาหกรรมและเป็นเส้นทางหลักเข้าสู่ตัวเมือง แขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 1 เห็นควรทำการก่อสร้างขยายความกว้างของผิวจราจร จากมาตราฐานทางชั้น 4(7/9) เป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษ (4 ช่องจราจร) ก่อสร้างเกาะกลางแบบยก แบ่งช่องจราจรและมีระบบรางระบายน้ำ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงและรองรับการ จราจรที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันและในอนาคต เป็นการอำนวยความสะดวกปลอดภัยแก่ผู้ใช้ทางหลวง

ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกปลอดภัยแก่ผู้ใช้ทางหลวง ด้านเชิงคุณภาพเพิ่มความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางในเชิงปริมาณ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจการค้าและการท่องเที่ยว และเป็นการอำนวยความสะดวกปลอดภัยให้กับผู้ใช้ทาง ด้วยงบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างรวมกันทั้งสิ้นประมาณ  73 ล้านบาท ประโยชน์ที่คาดหวังว่าจะได้รับจากโครงการนี้ ประชาชนผู้ใช้เส้นทางได้รับความสะดวกและความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ทางหลวงมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การจราจรมีความคล่องตัวสูงพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่ ในการส่งเสริมการขยายตลาดและเพิ่มโอกาสทางการค้า

โดยมีทีมงานคณะผู้บริหารแขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่1  ประกอบด้วย นางปาริชาติ จักรนารายณ์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหาร นายศุภชัย  ประเสริฐคุณาสิน รองผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรม นายชญากร  แม่นเมือง รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการพัฒนาทางหลวงเพื่อรองรับการเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวและบริการงานก่อสร้างเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 117 ตอนควบคุม 0403 ตอนป่าขนุน-วังผาชัน นายอัศรายุทธ  สายสูง วิศวกรโยธา ปฏิบัติการแขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 1 นายเฉลิมพล  ศรีใจวงศ์ นายช่างโยธาปฏิบัติงาน สำนัก งานทางหลวงที่ 5 (พิษณุโลก)  นายเอนก  อิศรางกูร ณ อยุธยา นายช่างชำนาญงาน หัวหน้าหมวดทางหลวงทองแสนขัน ได้ร่วมกันบรรยายและอธิบายชี้แจงถึงโครงการ พร้อมตอบข้อซักถามแก่ชาวบ้านตำบลน้ำไคร้ที่เข้าร่วมประชุม พร้อมนายสมศักดิ์  จึงสำเร็จการ นิติกรชำนาญการ สำนักงานทางหลวงที่ 5  (พิษณุโลก) วิทยากร ได้กล่าวชี้แจงแนะนำโครงการและร่วมตอบข้อชักถามความคิดเห็นเพิ่มเติมให้ชาวบ้านที่ร่วมประชุมได้รับรู้ รับทราบเช่นกัน

นายชื้น วันเกลี้ยง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.น้ำไคร้) พร้อมคณะผู้บริหารสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำไคร้และเจ้าหน้าที่   ร่วมอำนวยความสะดวก ให้กับหน่วยงานแขวงทางหลวงอุตรดิตถ์ที่ 1 ในการประชุมโครงการพัฒนาทางหลวง เพื่อรองรับการเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวและบริการงานก่อสร้างเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 117 ตอนควบคุม 0403 ตอนป่าขนุน-วังผาชัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า  มีผู้นำชุมชนท้องที่ท้องถิ่นและชาวบ้านตำบลน้ำไคร้ เกือบ 100 คน ร่วมลงทะเบียนพร้อมเข้าร่วมรับฟังบรรยายพร้อมซักถามผลกระทบที่จะได้รับจากโครงการพัฒนาทางหลวงเพื่อรองรับการเดินทางสู่แหล่งท่องเที่ยวและบริการงานก่อสร้างเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวงหมายเลข 117 ตอนควบคุม 0403 ตอนป่าขนุน-วังผาชัน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนได้รับประโยชน์จากการก่อสร้างขยายความกว้างของผิวจราจร จากมาตราฐานทางชั้น 4(7/9) เป็นมาตรฐานทางชั้นพิเศษ (4 ช่องจราจร) พร้อมก่อสร้างเกาะกลางแบบยกแบ่งช่องจราจรและมีระบบรางระบายน้ำ.