วันจันทร์ ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2568 01:30 น.

ภูมิภาค

ย้ายคุม “ลุงพล” เข้ากลางนครพนม “ป้าแต๋น” ฝากหัวใจสู้คดีถึงฎีกา

วันศุกร์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 16.17 น.

วันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 11.00 น. รถคุมขังขนส่งนักโทษจากเรือนจำจังหวัดมุกดาหาร ได้นำตัวนายไชย์พล วิพา อายุ 49 ปีหรือที่รู้จักกันในนามลุงพล คนดังแห่งบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ส่งมาคุมขังระหว่างรอฎีกาต่อที่เรือนจำกลางนครพนม เนื่องจากมีอัตราโทษสูง

 


ซึ่งลุงพลเป็นจำเลยในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี (ในขณะนั้น) โดยศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาจำคุก รวม 3 ข้อหาเป็นเวลา 26 ปี


ในขณะเดียวกันได้มี นางสาวสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น อายุ 47 ปี ภรรยาของลุงพลเดินทางด้วยรถตู้มาจาก ต.กุดเรือคำ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร พร้อมกับทีมงานติดต่อกับเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครพนม เพื่อขอเข้าเยี่ยมสามี  ซึ่งทางเรือนจำยังไม่อนุญาต เนื่องจากลุงพลต้องถูกกักตัวเป็นเวลา 5-7 วันตามมาตรการป้องกันโรคโควิด ก่อนจะจำหน่ายให้ไปอยู่แดนใดแดนหนึ่ง

 


โดยป้าแต๋นได้ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน ที่มารอทำข่าวอยู่หน้าเรือนจำกลางนครพนม ว่า ทราบข่าวจากสื่อที่เรือนจำมุกดาหารจะส่งตัวสามีมาควบคุมที่นครพนม จึงเดินทางออกจากบ้านพักที่ อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เพื่อขอเยี่ยมถามไถ่สามี “วันนี้เอาแต่หัวใจมาฝากลุงพล เพราะมีหัวใจดวงเดียว ส่วนเรื่องคดีจะขอสู้ในชั้นฎีกาให้ถึงที่สุด” ป้าแต๋นกล่าว.

 


ทั้งนี้ คดีลุงพลหรือนายไชย์พล วิภา ตำรวจได้สรุปสาระสำคัญ ที่เป็นพยานหลักฐานทั้งหมด ได้ดังนี้คือ 1.เส้นทางที่ยากลำบากเกินความสามารถของน้องชมพู่ มีเนินชันมากกว่า 60 องศาขวางกั้นในทุกเส้นทาง 2.พลังงานจากอาหารมื้อสุดท้ายที่น้องชมพู่รับประทานไป ไม่เพียงพอต่อการจะเดินถึงไปถึงบนจุดที่พบศพ 3.ประสบการณ์ของชาวบ้านยืนยันว่า เด็กสามขวบจะปีนป่ายไปถึงได้แค่ชั้นสองของภูเหล็กไฟเท่านั้น 4.กรณีการศึกษาการหลงป่าของชาวบ้านกกตูม ชาวบ้านสามารถหาได้เจอภายในแค่ 1 คืน 5.แพทย์ชันสูตรและกุมารแพทย์ยืนยันว่า พัฒนาการของเด็กอายุสามขวบ ไม่สามารถเดินขึ้นไปเองได้ 6.สภาพศพที่เปลือยกายซึ่งบิดามารดายืนยันว่า น้องชมพู่ไม่สามารถถอดเสื้อผ้าเองได้ 7.พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุตรวจพบเส้นผมของน้องชมพู่ถูกตัดด้วยมือ เชื่อได้ว่าการกระทำของบุคคล 8.นิสัยส่วนตัวของน้องชมพู่กลัวความสูงและกลัวป่า ที่ผ่านมาของน้องชมพู่ไม่เคยไปในป่าหลังบ้านนี้เลยสักครั้งเดียว

 


ทั้งหมดจึงเป็นการรวบรวมพยานหลักฐาน นำขึ้นสู่การพิจารณาของศาลจังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา สั่งจำคุกนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล (จำเลยที่ 1) ทั้งหมด 3 ข้อหา คือ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเล็งเห็นผล จำคุก 15 ปี พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา จำคุก 10 ปี และกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น จำคุก 1 ปี รวมจำคุกทั้งหมด 26 ปี  ก่อนคุมตัวลุงพลเข้าเรือนจำมุกดาหาร

 


         

ซึ่งต่อมาจำเลยได้ยื่นขอประกันตัว เเละศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณาเรื่องการปล่อยชั่วคราว ซึ่ง น.ส.นฤมล วิเชียรเเสน อัยการศาลสูงจังหวัดมุกดาหาร ยื่นคัดค้านการประกันตัว และศาลฎีกาได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรงกระทบต่อสังคม เป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้นายไชย์พลจำเลยต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา และได้ย้ายไปคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนมดังกล่าว

หน้าแรก » ภูมิภาค