วันที่ 20 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเคยต้องอพยพหนีเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ระหว่างวันที่ 24–28 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังสถานการณ์คลี่คลายกลับมาบ้าน แต่กลับพบว่ามีบิลค่าไฟฟ้าสูงกว่า 1,000–2,000 บาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลประกาศว่าจะงดเก็บค่าน้ำและค่าไฟเป็นเวลา 2 เดือน

นายวิทยา ส่วงเมา อายุ 38 ปี ชาวบ้านสายโท 5 ใต้ ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด เล่าว่า ระหว่างอพยพอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว แม้เจ้าหน้าที่จะดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างดี แต่ทุกคนก็ยังมีความกังวลเรื่องบ้านและสัตว์เลี้ยงที่ถูกทิ้งไว้ จนเมื่อรัฐบาลประกาศว่าจะช่วยเหลือโดยงดเก็บค่าน้ำค่าไฟ 2 เดือน ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อกลับมาถึงบ้านกลับเจอบิลค่าไฟสูงกว่า 2,000 บาท ทำให้รู้สึกตกใจและไม่รู้ว่าจะจ่ายเมื่อใด เพราะรายได้ไม่พอ ขณะนี้ได้แต่หวังเงินเยียวยาครอบครัวละ 3,000 บาทจากรัฐบาลเพื่อนำมาชำระ แต่ก็ยังไม่ทราบว่าจะได้รับเมื่อไร

สำหรับมาตรการเยียวยาที่รัฐบาลประกาศช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะชายแดน ครอบคลุม 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี โดยมีมาตรการหลัก ได้แก่

    •    งดเก็บค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา 2 เดือน (ก.ค.–ส.ค.)
    •    เพิ่มเงินเยียวยาผู้เสียชีวิต: เจ้าหน้าที่รัฐ 10 ล้านบาทต่อราย ประชาชน 8 ล้านบาทต่อราย
    •    เยียวยาผู้บาดเจ็บสาหัส: เจ้าหน้าที่รัฐ 500,000 บาท ประชาชน 400,000 บาท
    •    ขยายงบฉุกเฉินผู้ว่าฯ 7 จังหวัดชายแดน เป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท
    •    เตรียมนำเรื่องอนุมัติค่าตอบแทนให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) รวม 32,740 นาย วงเงิน 117 ล้านบาท

ชาวบ้านจึงฝากถามรัฐบาลว่ามาตรการ “งดเก็บค่าน้ำค่าไฟ” จะมีผลจริงหรือไม่ หลังกลับมาพบใบแจ้งหนี้ค่าไฟสูงกว่าที่รับไหว