เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 ณ ห้องประชุมยะลารวมใจ ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนหน้า พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 /ผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้, พล.ต.ต.ชุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้, นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และนายธีรวิทย์ เฑียรฆโรจน์ รองโฆษกศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานการบังคับใช้กฏหมายด้านความมั่นคงในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาค 4 เปิดเผยว่า ในห้วงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดตามนโยบายรัฐบาล โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 21 ราย และอยู่ระหว่างการซักถาม 14 ราย ทุกคดีที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่รู้ตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมด และอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับและติดตามจับกุมต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ชุมพล ศักดิ์สุรีย์มงคล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กล่าวถึงความคืบหน้าของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (1 ก.ย.68) ว่า รูปแบบการก่อเหตุเป็นลักษณะที่มุ่งประสงค์ต่อทรัพย์อย่างชัดเจน โดยคนร้ายได้ใช้ระเบิดแบบเฉพาะเจาะจงที่ออกแบบมาสำหรับทำลายตู้เซฟโดยเฉพาะ ซึ่งมีการวางแผนเตรียมการและจุดชนวนด้วยรีโมต บ่งชี้ว่าเป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการที่มุ่งทำลายระบบเศรษฐกิจและประสงค์ต่อทรัพย์อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มเดิมหรือกลุ่มใหม่ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานและรอผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันอีกครั้ง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลุ่มคนร้ายได้เงินจากตู้เอทีเอ็มไปจำนวนหนึ่ง

โดยผลการบังคับใช้กฏหมายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายคงามมั่นคงฯ ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 15 ครั้ง สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 21 ราย ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลายเหตุการณ์สำคัญ เช่น เหตุยิงนายนิตย์ชัย หมานแก้ว ที่ อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 5 ก.ค.68, เหตุลอบยิงและวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รือเสาะ เหตุยิงนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลรือเสาะ และเหตุลอบวางระเบิดและโจมตีที่ว่าการอำเภอสุไหงโกลก

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดีต่าง ๆ ได้แล้ว 17 คน และคดีสำคัญอื่น ๆ ที่รู้ตัวผู้กระทำความผิดแล้ว ก็อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อไป.