วันที่ 2 ก.ย.68บรรยากาศก่อนถึงเทศกาลบุญสารทเดือนสิบปีนี้ ชาวบ้านหน้าชิง หมู่ 1 ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ กำลังขะมักเขม้นช่วยกันทำขนมประจำเทศกาล ทั้ง “ขนมลา” และ “ขนมพอง” เพื่อจำหน่ายให้กับชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมที่สืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน 

ชาวบ้านกว่า 10 ครัวเรือน ต่างใช้เวลาว่างหลังจากงานสวน มาร่วมแรงร่วมใจทำขนม โดยเฉพาะ ขนมลากรอบ ที่ยังคงรักษาวิธีดั้งเดิม ใช้กะลามะพร้าวเจาะรูเล็ก ๆ ให้แป้งไหลผ่านลงในกระทะน้ำมันร้อน ก่อนพับครึ่งแผ่นวางเรียงไว้ เทคนิคสำคัญอยู่ที่ “จังหวะการโยก” ให้เส้นแป้งออกมาเท่ากันทุกชิ้น ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ ซึ่งปัจจุบันแทบหาคนทำได้ยากแล้ว 

นางหนูวัน เนื้อเกลี้ยง อายุ 63 ปี เล่าว่า ครอบครัวสืบทอดการทำขนมเหล่านี้มากว่า 30 ปี กะลามะพร้าวที่ใช้ก็เก็บรักษามาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ปัจจุบันมีออเดอร์จากพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากจนผลิตแทบไม่ทันส่ง ราคาขายปีนี้ปรับขึ้นเล็กน้อยตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยขนมลา 10 ชิ้น ชุดละ 60 บาท ขนมพอง 3 ชิ้น 50 บาท และมีแบบชุดรวมราคา 60 บาท มีทั้งขายปลีกหน้าบ้านและส่งตามออเดอร์ 

นอกจากรสชาติอร่อยและทำด้วยกรรมวิธีโบราณแล้ว ขนมทั้งสองชนิดยังมี ความหมายเชิงสัญลักษณ์ ในงานบุญสารทเดือนสิบ ขนมลา เปรียบเสมือน “เสื้อผ้า” ที่ลูกหลานจัดถวายให้บรรพบุรุษไว้ใช้ในปรโลก เส้นแป้งที่ทอดจนเป็นแผ่นยังสื่อถึงสายใยความผูกพันของครอบครัว ขนมพอง มีลักษณะฟูเบา สื่อถึง “เรือสำเภา” หรือพาหนะที่บรรพบุรุษจะใช้เดินทางกลับมายังโลกมนุษย์ในช่วงทำบุญ

สำหรับ เทศกาลสารทเดือนสิบ ปีนี้ วันแรม 1 ค่ำเดือนสิบ ซึ่งเป็น “วันรับตายาย” ตรงกับวันที่ 7 กันยายน และวันแรม 15 ค่ำเดือนสิบ “วันส่งตายาย” ตรงกับวันที่ 22 กันยายน เป็นประเพณีที่ชาวใต้ยังคงยึดถือและสืบสาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษและแสดงความกตัญญูต่อผู้ล่วงลับ 

นางหนูวัน กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มว่า “การทำขนมลา-ขนมพอง ไม่ใช่แค่การทำขาย แต่คือการสืบสานบุญประเพณีและความรักความผูกพันของครอบครัว ที่อยากให้คนรุ่นหลังได้เห็นและสืบต่อไป”