วันศุกร์ ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2568 01:45 น.

ภูมิภาค

มรภ.แจงปมดราม่านศ.กัมพูชาไปเป็นทหารมารบกับไทย ยอมรับผิดหวังไม่สำนึกบุญคุณ เผยมี 32 คนส่งตัวกลับประเทศหมดแล้ว

วันอังคาร ที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2568, 19.55 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  จากกรณีกระแสข่าวทางสื่อโซเชียลกำลังจับตาทหารกัมพูชาที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์จับปืนเข้าปะทะกับทหารไทยในสมรภูมิปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรักจังหวัดสุรินทร์ พร้อมโพสต์เฟสนิยมแนวคิดฮุนเซ็น เย้ยชาวไทย จากการสืบสวนทราบว่านักศึกษารายนี้ ชื่อนายรอน ชิด  เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสาขาวิชาการไฟฟ้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ได้รับทุนจากบริษัทเกษตรรุ่งเรือง เป็นบริษัทไทยที่เข้าไปทำธุรกิจเครืองจักรทางการเกษตรในประเทศกัมพูชาได้ให้ทุนเรียนดี เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยราชถัฏสุรินทร์  และพักอยู่หอภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์

วันที่ 2 ก.ย. 68 ที่ห้องประชุมฉัททันต์  ชั้น 2  อาคาร 31 มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ รองศาสตราจารย์ ดร.ฉลอง สุขทอง อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ พร้อมด้วยรองศาสตราจารย์ ดร.อำนวย  วัฒนกรสิริ รองอธิการบดี ,  ผู้ช่วยศาสตราจารย์  ดร.อิทธิวัตร  ศรีสมบัติ ประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการ และผู้ช่วยศาสตราจารย์  ดร.กนกานต์  ลายสนธิ์อาจารย์ที่ปรึกษา ได้ร่วมกันแถลงข่าวกรณีนักศึกษาทุนกัมพูชาไปเป็นทหารชายแดน

โดยรศ. ดร.ฉลอง  สุขทองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ เปิดเผยว่า กรณีนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์  ที่เป็นชาวกัมพูชาชื่อนายรอน  ชิต ซึ่งได้แจ้งลาออกไปเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2568 แต่ในความเป็นจริงนายรอน ชิด ได้หยุดเรียนและกลับไปอยู่บ้านเกิดที่อำเภอสำโรง  จังหวัดอุดรมีชัย  ประเทศกัมพูชา  ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับด่านช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 แล้ว สาเหตุเพราะพ่อของเขาที่เป็นทหารบอกว่าให้เขาไปสมัครเป็นทหารเพื่ออนาคตที่ก้าวหน้า เขาจึงสมัครเข้าเป็นทหารของกัมพูชาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วมาแจ้งลาออกจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ในภายหลัง  ซึ่งเป็นสิทธิ์ของเขาอยู่แล้วปัจจุบันในมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์มีนักศึกษาชาวกัมพูชาอยู่จำนวน 32 คนรวมนายรอนชิดที่แจ้งลาออกไปก่อนนี้และนักศึกษาที่เหลือได้ถูกส่งตัวกลับประเทศกัมพูชาไปแล้วตั้งแต่ วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ซึ่งในการส่งตัวนักศึกษาชาวกัมพูชากลับในครั้งนี้มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานเขตสุรินทร์ จำนวน 3 คน และนักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสุรินทร์ จำนวน 2 คนรวม 36 คน  ที่ส่งตัวไปข้ามแดนที่ด่านช่องเม็ก จังหวัดอุบลราชธานี เข้าฝั่งประเทศลาวแล้วเดินทางต่อไปกัมพูชาที่จังหวัดสตึงเตรงประเทศกัมพูชา

นักศึกษาชาวกัมพูชาทั้งหมดที่มาศึกษาอยู่ที่จังหวัดสุรินทร์ทุกคนได้รับทุนการศึกษาจากฝั่งประเทศไทยทั้งหมดเหตุที่ต้องส่งตัวกลับทั้งหมดเป็นเรื่องของความมั่นคงภายในประเทศของเรา 

โดยในวงแถลงข่าว ได้พูดถึง นายรอน ชิต ว่าเป็นนักศึกษาที่เป็นตั้งใจเรียนมีผลการเรียนดีคนหนึ่ง อยู่ในระดับหัวแถวของห้องเลยก็ว่าได้ เป็นที่มีจิตอาสาเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์บอลของมหาลัยด้วย ในส่วนเรื่องของความคลั่งชาติเราไม่เห็นตอนที่เขามาอยู่กับเราในช่วงระยะเวลา 2 ปี  ส่วนนักศึกษาที่ส่งตัวกลับก็ได้มีการพูดคุยกับทางหน่วยงานความมั่นคงแล้ว ตอนนี้เราให้ทั้งหมดดรอปเรียนไว้ตั้งแต่เขาทางเดินกลับไป ส่วนหนึ่งก็มีการประสานเข้ามาขอทรานสคริป ใบแสดงรายวิชาและผลการเรียน เพื่อไปยื่นเรียนต่อที่ประเทศกัมพูชาบ้านเขา ส่วนที่เหลือถ้ายังอยากจะมาเรียนต่อกับเราตอนนี้ต้องรอปรึกษากับฝ่ายความมั่นคงอีกที ซึ่งตรงนี้ก็เป็นบทเรียนที่สำคัญก็พวกเราเหมือนกันในส่วนของการมอบทุนการศึกษาให้ และต่างรู้สึกผิดหวังกับนายรอน ชิต ที่เราได้ให้การศึกษาบ่มเพาะเขาในด้านคุณธรรมจริยธรรมอยู่ร่วมกันเป็นเวลา 2 ปีเต็มๆ จากหลายๆเหตุการณ์ตอนนี้ประจักษ์ในเรื่องของการสำนึกบุญคุณ เขาข้ามผ่านมันไปแล้ว

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ได้ออกแถลงการณ์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ เรื่อง การเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการรับนักศึกษาต่างชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ขอชี้แจงต่อสาธารณชน ดังนี้ 1. การรับนักศึกษาต่างชาติ โดยเฉพาะนักศึกษาสัญชาติกัมพูชาเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ เป็นการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ ภารกิจและหน้าที่ของมหาวิทยาลัย ตามที่หมายกำหนด เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาและเสริมสร้างความร่วมมือด้านวิชาระหว่างประเทศ ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและโปร่งใส 2. ภาวะความขัดแย้งหรือเหตุการณ์สู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นสถานการณ์ระหว่างประเทศที่อยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของมหาวิทยาลัยและไม่มีความเกี่ยวข้องกับการบริหาร จัดการด้านการศึกษาแต่อย่างใด 3. สำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ปรากฏเป็นกระแสข่าวนั้น ได้ลาออกจากการเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ และเดินทางกลับประเทศกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะเข้ารับหน้าที่ทหารตามคำสั่งของผู้นำประเทศกัมพูชา ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง จึงมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยตามที่กฎหมายกำหนด

มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ ใคร่ขอให้สาธารณชนได้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลข่าวสารด้วยความเป็นธรรม และตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของรัฐ สถาบันการศึกษาและประชาชนแต่ละฝ่ายอย่างถูกต้อง ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสถาบันอุดมศึกษาที่พัฒนาท้องถิ่นสู่สากลด้วยความรับผิดชอบ โปร่งใสและยึดมั่นในหลักกฎหมาย

หน้าแรก » ภูมิภาค