วันที่ 6 ตุลาคม 2568 นายวิศรุต แก้วฝ่าย นายก อบต.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร พร้อมทีมงาน เดินทางไปที่ บ.ดงมะไฟ ม.12 ต.ขมิ้น เพื่อเยี่ยมกลุ่มผู้ผลิตเตาอังโล่ซึ่งมียอดจำหน่ายสูง ทั้งนี้จากการที่ในทุกครัวเรือนยังคงใช้เตาอังโล่ แม้จะมีเตาแก๊สใช้แล้วก็ตาม ดูเหมือนเตาอังโล่ใช้ถ่านธรรมชาติก็ยังเป็นที่นิยมเหมือนเดิม ทำให้อาหารประเภทปิ้ง ย่าง  ร้านขายปิ้งย่างตอนเช้า ร้านหมูกระทะ ร้านจิ้มจุ่ม เป็นต้น โดยชาวบ้านแต่ละครัวเรือนยังใช้เตาประเภทนี้อยู่ไม่เปลี่ยนเป็นเตาแก๊ส

นายพร แสนมะฮุง ผู้ผลิตกล่าวว่ายึดอาชีพทำเตาอั้งโล่เสริมกับการทำนา ต้องสั่งดินด่างรถละ 650 บาท มาเพิ่มแล้วนำมานวดขึ้นรูปเป็นเตาอั้งโล่ ขายส่งให้คนที่จะมารับซื้อถึงที่ โดยเตาอั้งโล่ของชาวบ้านที่นี่ค่อนข้างได้รับความนิยมเนื่องจากผลิตเป็นงานฝีมือตามแบบวิถีโบราณ มีความคงทน และให้ความร้อนได้ดีช่วยประหยัดถ่าน รูปทรงสวยงามประณีต มียอดสั่งผลิตเตาอั้งโล่เพิ่มขึ้นขนาดผลิตตั้งแต่เบอร์ 0-5 ราคาหลักสิบถึงหลักร้อยบาทต่อเตาแล้วแต่ขนาด ใหญ่สุดเบอร์ 0 ราคาส่ง 200 บาท แต่เมื่อนำไปขายปลีกจะตกที่ 400 บาท 

ที่ขายดียอดนิยมเบอร์ 3 ขนาดกลางที่นำไปใช้ครัวเรือนร้านหมูกระทะ ร้านจิ้มจุ่ม ราคาส่ง 50 บาท ต่อเตา ตอนนี้ใกล้หน้าหนาวแล้ว จึงเร่งผลิตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากช่วงปกติ 

อย่างไรก็ตามแม้จะต้นทุนสูงขึ้นจากพวกวัสดุสังกะสีที่ใช้เป็นส่วนประกอบโอบเตาแม้จะราคาสูงขึ้นแต่ก็ยังพออยู่ได้ไม่ปรับราคาถือว่าช่วยประชาชนลดภาระค่าใช้จ่ายเพราะหากปรับราคาคนนำไปขายต่อก็ต้องปรับราคาสูงขึ้นตามจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน

นายวิศรุต แก้วฝ่าย นายก อบจ.ขมิ้น อ.เมือง จ.สกลนคร กล่าวว่าที่พา ทีมงานไปเยี่ยมชมการผลิตเตาอังโล่ เพื่อจะได้จัดเป็นสินค้าโอท็อปของตำบลขมิ้น นำไปสู่การส่งเสริมการขายเตาอังโล่ที่มีคุณภาพและราคาถูก  ซึ่งเตาเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต ในช่วงที่ราคาแก๊สแพงเช่นนี้ เราต้องปรับตัวหันมาใช้เตาถ่านแทน เพราะนอกจากประหยัดแล้ว ยังทนทานอีกด้วย  ขณะที่หลายคนก็ยืนยันด้วยว่าใช้เตาอั้งโล่ควบคู่ไปกับเตาแก๊ส เพราะเตาแก๊สใช้ทำอาหารเป็นครั้งคราว แต่เตาถ่านสามารถนึ่งข้าวได้นานกว่า ข้าวจะหอมและนุ่มน่าทานจึงเลือกเจาถ่านนึ่งข้าว ซึ่งประหยัดกว่าใช้แก๊ส

วิธีการปั้นเตา เริ่มแรกนำดินมาหมัก จากนั้นนำมาผสมกับแกลบเผาใช้น้ำมาราด ใช้เท้านวดให้จับตัวและเหนียว นำมาใส่ที่แบบหรือแม่พิมพ์สังกะสี ใช้มือบี้ให้เป็นรูปเตา เมื่อมีรูปร่างเป็นเตาแล้วก็นำไปวางเรียงรายให้เกือบแห้งและนำมาตกแต่งอีกครั้ง ก่อนส่งเข้าเตาเผาและใส่รังผึ้ง หรือลิ้นเตา ใส่เสื้อเพื่อความแข็งแรง (สังกะสีรอบเตา) ในแต่ละวันจะมีพ่อค้ามารับไปขาย ในราคาเตาละ 50 บาท (เล็ก) ราคา 200 บาท (ใหญ่) แต่ละครั้งซื้อไป ครั้งละ 300-400 ลูก สร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้ผลิต