มหาวิทยาลัยนครพนม (มนพ.-NPU) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2548 และเพิ่งผ่านวันฉลองครบรอบ 20 ปีแห่งการสถาปนาไปหมาดๆ ปัจจุบันมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธวัชชัย ศุภดิษฐ์ เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยฯ และมีนักศึกษารวมทุกคณะ ประมาณ 8,000 คน ถือเป็นมหาวิทยาลัยภาคอีสาน ที่มีจำนวนนักศึกษามากที่สุดเป็นอันดับ 7 แยกออกเป็น 1.คณะเกษตรและเทคโนโลยี 2.คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 3.คณะครุศาสตร์ 4.คณะวิทยาการจัดการและเทคโนโลยีสารสนเทศ 5.คณะวิทยาศาสตร์ คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 6.คณะวิศวกรรมศาสตร์  และโครงการจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลมรุกขนคร ที่กำลังจะเป็นคณะใหม่ในเวลาอันใกล้นี้

โดยมี 6 วิทยาลัยที่อยู่ในความดูแล ได้แก่ 1.วิทยาลัยการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมบริการ 2.วิทยาลัยการบินนานาชาติ 3.วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครพนม 4.วิทยาลัยธาตุพนม 5.วิทยาลัยนาหว้า 6.วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมศรีสงคราม และโครงการจัดตั้งวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร

เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์  เขาทำถึงจริงๆโดยได้จัดโครงการ Open House Open Heart FLAS NPU 2025 #4 (เปิดบ้าน เปิดใจ แสงสว่างจาก ม.นครพนม) รวมถึงการประกวดทักษะและความสามารถทางวิชาการระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ครั้งที่ 4 “Open House Open Heart 2025” โดยได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหารสถานศึกษา คณะครูและนักเรียนจากโรงเรียน จจังหวัดอำนาจเจริญ, ยโสธร, มุกดาหาร, บึงกาฬ, สกลนคร, กาฬสินธุ์ และเจ้าภาพนครพนม มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 1,050 คน

ทั้งนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปุณณฑรีย์ เจียวิริยบุญญา คณบดีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า กิจกรรม Open House แนะนำหลักสูตรของคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มีความหลากหลายและตอบสนองต่อความต้องการของสังคมให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้รู้จักและเข้าใจอย่างลึกซึ้ง รวมถึงการจัดประกวดการแข่งขันทักษะทางวิชาการด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  

นอกจากนี้ยังได้เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้ และร่วมทำกิจกรรมตามบูธของสาขาวิชาต่าง ๆ ได้แก่ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ วิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสารในยุคดิจิทัล วิชาภาษาจีน วิชารัฐประศาสนศาสตร์ วิชานิติศาสตร์ และสาขาวิชาพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเปิดโอกาสให้นักเรียนสัมผัสกับประสบการณ์การเรียนรู้ในหลักสูตรของคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง ที่สำคัญเป็นการประชาสัมพันธ์หลักสูตรของคณะฯให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายในการร่วมมือกันพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของเยาวชนไทยให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ

 กิจกรรมภายในงาน มีการแนะนำหลักสูตรระดับปริญญาตรี การแข่งขันทักษะความสามารถ และกิจกรรมทางวิชาการระดับ ม.ปลาย ประกอบด้วย การตอบปัญหาภาษาอังกฤษ Make it POP! Season (ฤดูกาลที่ทำให้มันป๊อป) กิจกรรม 谁是汉语YYDS (ใครเป็นคนจีน เทพตลอดกาล)  โดยมีการแข่งขันทายคำศัพท์ภาษาจีน ประกวดสุนทรพจน์ภาษาถิ่น การประกวดโครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาสังคมภายใต้หัวข้อ “เพราะเราล้วนเป็นส่วนหนึ่งของสังคม” อีกทั้งมีการแข่งขันตอบปัญหาทางด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ พร้อมร่วมตอบปัญหากฎหมายในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการของแต่ละสาขาวิชาอีกด้วย

“ตลอดระยะเวลากว่า 2 ทศวรรษที่คณะศิลปะศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน และขับเคลื่อนการวิจัยด้านมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์อย่างต่อเนื่อง พร้อมผลิตบัณฑิตที่เป็นพลังสำคัญของท้องถิ่นและประเทศชาติ ปัจจุบันคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เปิดการเรียนการสอนจำนวน 7 สาขาวิชา 10 หลักสูตร ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก โดยจัดการเรียนการสอนทั้งในภาคปกติและโครงการพิเศษ (เสาร์-อาทิตย์) ซึ่งเตรียมเปลี่ยนจากชื่อเดิมเป็นคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ดังค่านิยม “HUMANS FIRST INNOVATION NEXT”นวัตกรรมที่คิดถึงมนุษย์เป็นศูนย์กลาง” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปุณณฑรีย์ เจียวิริยบุญญา กล่าว.

ทั้งนี้ ผลการแข่งขันผู้ชนะเลิศการแข่งขันในสาชาวิชาต่างๆ  มีดังนี้ 1.วิชาภาษาอังกฤษ น.ส.ธนัญญา กิณเรศ-น.ส.ประภัสสร เล็กอ่อน โรงเรียนเซกา จ.บึงกาฬ,สาขาวิชานิติศาสตร์ น.ส.พิชชาภา สินเติม-น.ส.งามพิศ วงศ์จันทร์ รีงเรียนอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ,สาขาวิชาภาษาจีน น.ส.ศิริรัตน์ ผ่องแผ้ว-น.ส.กรรณิการ์ วังคะฮาด โรงเรียนหนองสูงสามัคคีวิทยา จ.มุกดาหาร,สาขาวิชาภาษาไทย น.ส.ปวริศา โพธิ์น้ำเที่ยง โรงเรียนปากคาดพิทยาคม จ.บึงกาฬ,สาขาวิชารัฐประศาสตร์ นายอมรศักดิ์ จัทะแจ่ม นายกฤษเพชร อักษรกลาง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.สกลนคร และ นายภานุพงษ์ อุปรี น.ส.กัญญาพัชร เหลื่อมเภา โรงเรียนสหราษฎร์รังสฤษฏ์ จ.นครพนม และสาขาวิชาพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม ได้แก่กลุ่ม นายอิสรานุวัฒน์ กาทอง น.ส.อารดา คำลือ น.ส.ขวัญจิรา ศีราช น.ส.ปววิศา สมวงศ์ น.ส.ทิฆัมพร ศิริลักษ์ ชื่อโครงการปั้นจากดินสู่งานศิลป์ ร่วมสืบสานตำนานภูมิปัญญาท้องถิ่น ผ่านพลังงานของดิน 5 ก้อน

ทั้งนี้ นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้มุ่งหวังไปที่รางวัล แต่น้องๆต้องการใช้เวทีแห่งนี้ แสดงความสามารถของแต่ละคนและกลุ่มของตนเองมากกว่า ส่วนรางวัลถือเป็นผลพลอยได้ โดยจะนำความรู้ที่ได้รับในครั้งนี้ ใช้เป็นแนวทางในการเดินเข้าสู่ระดับอุดมศึกษาต่อไป