สุรินทร์- เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ที่สำนักงานอัยการจังหวัดสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ คณะกรรมการอัยการภาคประชาชน นำโดย นายวิรัตน์ เศรษฐพัฒนชัย, นายพงษ์ศักดิ์ พงษ์นุเคราะห์ศิริ และ ผศ.ดร.ชาตรีเกษ โพนทอง ได้พานางสาวหทัยรัตน์ หรือ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 41 ปี พร้อมด้วยลูกสาว เด็กหญิงสุพรรษา หรือ ด.ญ.บี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่ง เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายณัพล พงษ์ปิยานุรัตน์ ประธานกรรมการอัยการภาคประชาชนจังหวัดสุรินทร์ เพื่อขอให้เข้าช่วยเหลือและติดตามคดี หลังจากอ้างว่าลูกสาวถูกล่อลวงไปลวนลามและคดีไม่คืบหน้า

น.ส.เอ ผู้เป็นแม่ เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือร้องเรียนพร้อมหลักฐานการสนทนาทางไลน์ต่อคณะกรรมการภาคประชาชน โดยระบุว่า ลูกสาวของตนถูกบุคคล 2 คน คือ นายสมคิด ธรรมรักษาเจริญ และ นายกีรติกร ญาณวิเศษสกุล ซึ่งเป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ ล่อลวงไปลวนลาม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเธอได้เข้าแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสุรินทร์แล้วเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้า ทำให้ลูกสาวมีอาการซึมเศร้าและหวาดกลัว

น.ส.เอ เล่าว่า คู่กรณีเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในจังหวัดและรู้จักกันมาก่อน โดยนายกีรติกร หรือ นายปอน ได้ติดต่อมาขอคุย แต่บอกให้รอปรึกษาแม่ก่อน ซึ่งตนไม่อยากจะคุยด้วยเพราะคู่กรณีพูดแต่ให้รอ ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจและไม่คิดว่าจะเป็นลูกของตน หลังจากเกิดเหตุตำรวจได้เรียกคู่กรณีไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว แต่ตนก็รอคดีมานานเกือบ 3 เดือนแล้ว

ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น.ส.เอ เล่าว่า วันนั้นตนไป สปป.ลาว ปล่อยให้ลูกสาวอยู่บ้าน นายสมคิด หรือ นายชัย ได้เข้ามาที่บ้านเพื่อจะเอารถไปให้ตน แต่ลูกชายตนไม่อยู่ นายชัยจึงไปรับลูกสาวแทน แต่กลับพาไปหานายกีรติกร หรือ นายปอน ลูกชายเจ้าของร้านขายยาแห่งหนึ่งในสุรินทร์ ลูกสาวเล่าว่า นายชัยพาไปจอดรถบริเวณตรงข้ามร้านขายยา จากนั้นนายชัยลงจากรถไปคุยกับนายปอน ก่อนที่นายปอนจะขึ้นมาบนรถแล้วลวนลามเธอ แต่ยังไม่ได้ข่มขืน ทั้งยังข่มขู่ไม่ให้ร้องขอความช่วยเหลือด้วย

น.ส.เอ ยืนยันว่า ตนมีหลักฐานทั้งหมดในแช็ตไลน์ และในฐานะที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวเป็นอย่างมาก พร้อมที่จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยคดีนี้มี พ.ต.ท.สมนึก บุญเจริญ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุรินทร์ เป็นเจ้าของคดี