วันจันทร์ ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2568 02:01 น.

ภูมิภาค

นักวิชาการค้านเปิดด่าน ชี้ต้องสร้างความมั่นใจชายแดนก่อน เคลียร์ข้อตกลงไทย–กัมพูชา 5 ข้อให้เสร็จสิ้น

วันอังคาร ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2568, 10.49 น.

เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประจวบ จันทร์หมื่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเฉพาะประเด็นการเปิด–ปิดด่านถาวรช่องสะงำ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ว่า ประเทศไทยยังไม่ควรเร่งเปิดด่านในช่วงนี้ จำเป็นต้องให้กัมพูชา ปฏิบัติตามข้อตกลงความร่วมมือระหว่างไทย–กัมพูชา ให้เสร็จสิ้นครบถ้วนก่อน โดยมี 5 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน 2.การเก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิด 3. การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์และอาชญากรรมข้ามชาติ 4. การจัดการพื้นที่ชายแดนบ้านหนองจาน และ5. การผ่อนปรนการผ่านแดนและขนส่งสินค้า  ซึ่งต้องให้สี่ข้อแรกสัมฤทธิ์ผลก่อน จึงค่อยมาพิจารณาข้อสุดท้าย คือเรื่องการผ่อนปรนการขนส่งสินค้าและการเปิดด่าน การข้ามขั้นตอนอาจสร้างความไม่มั่นใจและความเสี่ยงด้านความมั่นคงต่อประชาชนในพื้นที่

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประจวบ จันทร์หมื่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา กล่าวต่อไปว่า จากการลงพื้นที่สอบถามความเห็นชาวบ้านตามแนวชายแดน พบว่ายังไม่มีใครเห็นด้วยกับการเปิดด่านในเวลานี้ เพราะประชาชนยังคงกังวลต่อความปลอดภัยและความมั่นคง ชาวบ้านจำนวนมากยังเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปะทะขึ้นอีก แม้สถานการณ์โดยรวมจะสงบ แต่ความหวาดระแวงยังไม่หมดไป สะท้อนจากพฤติกรรมของชาวบ้านที่ยังต้องจอดรถหันหัวออกถนน เพื่อเตรียมพร้อมอพยพได้ทุกเมื่อ ซึ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความไม่มั่นใจในความปลอดภัยของพื้นที่ สิ่งสำคัญคือ ต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนก่อน เรื่องการเปิดด่านควรเป็นเรื่องรอง อย่างน้อยหากยังไม่เห็นความชัดเจนเรื่องการถอนกำลัง ก็ไม่ควรพูดถึงการเปิดด่าน แม้ปัจจุบันสถานการณ์ชายแดนเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ โรงเรียนที่เคยสอนเพียงครึ่งวันก็กลับมาเปิดเรียนเต็มวันแล้ว แต่ความทรงจำจากเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย–กัมพูชาในอดีต ทั้งเสียงปืนและเสียงระเบิด ยังคงตามหลอกหลอนชาวบ้าน บางครั้งแค่ได้ยินเสียงฟ้าผ่า ชาวบ้านก็ยังรู้สึกผวา ความกลัวฝังลึกในใจพวกเขา ยังเป็นสิ่งที่รัฐต้องเข้าใจและหาวิธีสร้างความเชื่อมั่น

“แม้การเปิดด่านจะช่วยให้เศรษฐกิจชายแดนขับเคลื่อนได้ แต่ตนมองว่า การตัดสินใจควรยึดความมั่นคงเป็นหลัก หากมองอีกแง่หนึ่ง การเปิดด่านย่อมเป็นประโยชน์ต่อการค้าการลงทุนและเศรษฐกิจชายแดน แต่จะต้องเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้ชัดเจนก่อน ไม่เช่นนั้นการเร่งรัดเปิดด่าน อาจสร้างปัญหามากกว่าผลดี” จากมุมมอง การเปิดด่านชายแดนไม่ใช่เพียงประเด็นเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องความมั่นคงและความเชื่อมั่นของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ ดังนั้น การสร้างบรรยากาศแห่งความปลอดภัย และดำเนินการตามข้อตกลงไทย–กัมพูชาอย่างเคร่งครัด จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญก่อนการตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับการเปิดด่านในอนาคต” ดร.ประจวบ กล่าวทิ้งท้าย

หน้าแรก » ภูมิภาค