ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. (ชุมพร) ว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 16 กันยายน 68 ขณะที่ ร.ต.อ.ชรัณ ปาณะศรี รอง สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. (ชุมพร) ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จำนวน 11 นาย ตั้งจุดตรวจเพื่อกวดขันวินัยจราจรและป้องกันอาชญากรรมบนถนน ทล.41 กม.22 (ขาเข้า กทม.) ต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร

ต่อมาพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ NISSAN สีขาว หมายเลขทะเบียน ผฉ 6877 ระยอง ขับผ่านเข้ามายังจุดตรวจ เจ้าหน้าที่ชุดสังเกตเห็นแผ่นป้ายภาษีประจำปีหน้ารถ พบว่ามีการขูดลบและใช้ปากกาแก้จากปี พ.ศ.2567 เป็นปี พ.ศ.2568 จึงขอให้จอดเพื่อตรวจสอบ เบื้องต้นทราบชื่อ นายนครินทร์  (ชาวจังหวัดอุบลราชธานี) อายุ 39 ปี เป็นผู้ขับรถคันดังกล่าว

พ.ต.ท.กล้า สมบัติพิบูลย์ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. (ชุมพร) กล่าวว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบในระบบฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (CRIMES) พบว่าภาษีขาดตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2567 เจ้าหน้าที่จึงสอบถามนายนครินทร์ ว่าได้ต่อภาษีประจำปีหรือไม่ ซึ่งนายนครินทร์ ยอมรับว่าภาษีประจำปีของตนขาดต่อเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2567 และได้นำแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีประจำปีที่มีการขูดลบและแก้เป็นปี พ.ศ.2568 มาติดที่หน้ากระจกรถยนต์ฝั่งผู้โดยสาร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจต่างๆ หลงเชื่อเป็นเอกสารแท้จริง ซึ่งเขาใช้แผ่นป้ายนี้มานานเกือบปี ผ่านด่านได้ตลอด แต่ครั้งนี้ด่านตำรวจทางหลวงชุมพรไม่รอด ถูกจับจนได้

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา “ปลอมแปลงเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม” และใช้รถที่ไม่ชำระภาษีประจำปี (มาตรา 6) พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ.2522 ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าวจริง รถคันดังกล่าวเป็นของตน และเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.สวี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

งานนี้เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย เพราะหากต่อทะเบียนถูกต้องกับทางขนส่งก็จะเสียเงินไม่มาก แต่กลับมาปลอมแปลงเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี ปรับตั้งแต่ 10,000–100,000 บาท อีกด้วย