วันที่ 19  ก.ย 68  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดอนาลโยทิพยาราม มีคำเล่าลือในหมู่ผู้เฒ่าผู้แก่ของเมืองพะเยาสืบต่อกันมาว่า รอบองค์รัตนเจดีย์บนดอยบุษราคัม จะปรากฏเงาใบไม้เรืองรองคล้ายแสงเงินที่ผู้คนเรียกขานว่า ตาลปัตรเงิน ซึ่งเชื่อกันว่าเป็น เครื่องหมายแห่งเทพเทวาผู้พิทักษ์พุทธธรรม บางคนเชื่อว่ากันว่า ตาลปัตรเงินนี้คือ เศษเสี้ยวจากพัดยศทิพย์ ที่เทวดาใช้สักการะพระพุทธองค์ ยามใดที่แสงจันทร์ต้ององค์เจดีย์ เงาแห่งพัดยศนี้จะซ้อนทับกับเงาใบไม้ กลายเป็นประกายวาววับดั่งโลหะเงิน สร้างความขลังจนผู้คนผู้ศรัทธาขนลุกไปตาม ๆ กัน

ซึ่งจากคำบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่ทีสืบต่อกันมาถึงความลี้ลับว่า เมื่อครั้ง พระปัญญาพิศาลเถร (หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล) อธิษฐานสร้างรัตนเจดีย์ ได้ตั้งจิตถวายเป็นเครื่องหมายแทน ตาลปัตรพัดยศแห่งพระธรรม เพื่อเป็นเกียรติยศแด่พระพุทธศาสนา เหล่าเทวดาผู้เฝ้ารักษาดอยบุษราคัมจึงบันดาลให้ปรากฏ ตาลปัตรเงิน เป็นนิมิตแห่งการคุ้มครอง ผู้คนที่ได้เห็นต่างเชื่อกันว่า หากใครได้มากราบไหว้รัตนเจดีย์แล้วพบประกายตาลปัตรเงิน จะเสมือน ได้รับการปัดเคราะห์ร้าย ปัดเสนียดจัญไร ราวกับได้พัดยศทิพย์จากสวรรค์โบกผ่านชีวิต ให้เจริญรุ่งเรืองและก้าวหน้าในบุญญาบารมี

สำหรับองค์รัตนเจดีย์จำลองแบบมาจาก มหาเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ฐานสี่เหลี่ยมทรงสูง ก่ออิฐถือปูน ฉาบเรียบประณีต สูงเด่นตระหง่านปลายยอดแหลมชี้ฟ้า ฐานเจดีย์กว้างประมาณ 25 เมตรต่อด้าน ความสูงจากฐานถึงยอดราว 35–40 เมตร ใกล้เคียงสัดส่วนพุทธคยาจำลองมองเห็นได้ชัดเจน และมีการประดับ ตาลปัตรพัดยศโลหะสีเงิน ซึ่งตีขึ้นเป็นรูปพัดแบบไทยโบราณ จำนวน 4 ด้าน เปรียบเสมือนการแผ่บารมีและความศรัทธาจากองค์เจดีย์สู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ตาลปัตรไม่ใช่เพียงของประดับ แต่ถูกเชื่อว่าเป็น เครื่องหมายแห่งพลังศรัทธา เปรียบเสมือนพลังแห่งคุ้มครอง ปัดเป่าภยันตราย และยังเป็นนิมิตถึง พัดยศทิพย์ของเหล่าเทวดาที่เล่าขานอยู่ในตำนานตาลปัตรเงิน