จากกรณีครอบครัวและญาติร้องเรียน กรณี “ลุงเริญ” วัย 60 ปี หมดสติ ห่างจาก รพ. วังวิเศษ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เพียง 300 เมตร แต่ไม่มีรถฉุกเฉินเข้ารับตัวใน 30 นาที จนเสียชีวิต ด้านญาติ-นายจ้าง ชี้การช่วยเหลือล่าช้าเกินรับได้ เผยแจ้งรถไม่พร้อม พยาบาลตั้งครรภ์ ออกรับไม่ได้ ด้านลูกชายเดินหน้าร้อง หาคำตอบ 3 ข้อ ตามที่ข่าวนำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดเจริญร่มเมือง ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่จัดตั้งบำเพ็ญกุศลศพ น.อ.(พิเศษ) นพ.พิสิทธิ์ เจริญยิ่ง รองเลขาธิการ สพฉ. พร้อมคณะ ได้บินด่วนลงมาเคารพศพ และร่วมวางพวงหรีด พร้อมทั้งได้พูดคุยกับทางญาติ โดยมีลูกชาย และภรรยา เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  

น.อ.(พิเศษ) นพ.พิสิทธิ์ เจริญยิ่ง รองเลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความเดือดร้อน และปัญหาที่เกิดขึ้นกับประชาชน และมีผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเรื่องร้องเรียนขึ้นมา แต่เมื่อรับทราบจากสื่อมวลชน ผู้บริหารทุกระดับ ก็เห็นว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อไป จำเป็นจึงต้องลงมาในพื้นที่ เพื่อรับรู้ข้อมูลที่แท้จริง ทุกปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้น เชื่ออย่างยิ่งว่ามีช่องทางในการแก้ไขได้ แต่เราต้องรู้ข้อมูลจริงๆจากพื้นที่จริง จึงได้เดินทางลงมาในวันนี้ หลังจากนี้เมื่อรับทราบข้อมูลแล้ว จะนำไปวิเคราะห์ว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ไหน เป็นที่ระบบ หรือเป็นที่ตัวบุคคล ขั้นตอนในการดำเนินการก็มีระเบียบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คงจะต้องเร่งรัดดำเนินการ ซึ่งยืนยันได้ว่าผู้บริหารในระดับจังหวัด ผู้ปฎิบัติงานโรงพยาบาล และกระทรวงฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และยืนยันจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง 

สำหรับเคสนี้ได้รับข้อมูลจากส่วนของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีคุณค่ามาก และทางญาติซึ่งเคยมีประวัติการทำงานกับระบบการแพทย์ฉุกเฉินในอดีต แต่ตอนนี้ไปประกอบอาชีพธุรกิจอื่น แต่ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง โดยจะรับฟังข้อมูลจากภาคส่วนอื่นๆ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบข้อเท็จจริง 

โดยพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) จะไปพบ นายแพทย์สาธารณสุข จ.ตรัง ซึ่งได้ดำเนินการแวงหาข้อเท็จจริง เช่นเดียวกัน ส่วนของ สพฉ.เอง ดำเนินการควบคู่กันไป ซึ่งทั้งสองส่วนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน และเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกับทางญาติ ที่ยืนยันว่ากรณีนี้จะสะท้อนปัญหาของระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ระบบสาธารณะสุข อาจจะเป็นปัญหาความขาดแคลน ปัญหาที่จะทำให้ผู้ปฎิบัติงานมีความรู้ความเข้าใจในหลักการที่ถูกต้องโดยยืนยันกับทางญาติว่าจะดำเนินการให้เต็มที่ ให้ปัญหานี้ได้รับการบรรเทาลงไป โดยไม่เกิดซ้ำซ้อนขึ้นอีก และขอให้เชื่อมั่นในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน 1669 

ประเทศไทยมี 7,000 กว่าตำบล แต่มีตำบลที่มีหน่วยกู้ชีพ อยู่ในตำบลเพียงแค่ประมาณ 50-60 กว่าเปอร์เซ็นเท่านั้น หมายความว่าอีก 40 กว่าเปอร์เซ็นในตำบลนั้นๆ พี่น้องประชาชนไม่มีหน่วยกู้ชีพ ถ้าเจ็บป่วยฉุกเฉินไม่มีใครเข้าไปช่วย จะมีก็ต้องมาจากตำบลข้างเคียงหรือโรงพยาบาลชุมชน แน่นอนว่าระยะเวลาในการรอคอยก็จะนาน เมื่อนานผลกระทบที่จะเกิดขึ้นของการเจ็บป่วยฉุกเฉินก็มีโอกาสที่จะรุนแรงมากขึ้น ต้องฝากประชาชนว่า เราต้องมาร่วมกันรณรงค์ ทำให้เห็นถึงความจำเป็นของหน่วยกู้ชีพ และการยกระดับขีดความสามารถของประชาชนในการปฐมพยาบาล เช่นการปั้มหัวใจ ช่วยชีวิต โดยพี่น้องประชาชนเอง

ทางด้าน นายสาโรจน์ แสงแก้ว อายุ 37 ปี บุตรชายคนโตของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า วันนี้มี ผอ.รพ.วังวิเศษ นายแพทย์ สสจ.ตรัง เข้ามาชี้แจงในเบื้องต้น แต่ก็ยังไม่ได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องที่เกิดขึ้น ตามที่ตนตั้งไว้ 3 ข้อหลักๆ คือ 1.รถฉุกเฉิน รพ.วังวิเศษ ได้ออกไปรีเฟอร์ผู้ป่วยที่ รพ.ตรัง ตามที่แจ้ง ในห้วงเวลาดังกล่าว จริงหรือไม่อย่างไร หากจอดอยู่ แต่ไม่พร้อมในการออกปฎิบัติหน้าที่ตามที่แจ้งเพราะอะไรอย่างไร และทำไมถึงให้คำตอบย้อนแย้ง 2.การที่พยาบาลรายหนึ่งอธิบายว่า การที่พยาบาลห้องฉุกเฉินตั้งครรภ์อยู่ ไม่สามารถออกไปรับผู้ป่วยได้ แล้วทำไมถึงไม่ให้พยาบาลคนอื่นมาอยู่เวรแทน เนื่องจากบุคลากรมีไม่เพียงพอ จริงหรือไม่อย่างไร 3. หาก รพ.วังวิเศษไม่สามารถออกปฎิบัติหน้าที่ได้ ทำไมเจ้าหน้าที่ 1669 ที่รับแจ้งเหตุและประสานในวันนั้น ถึงไม่ประสานให้ หน่วยกู้ชีพ-กู้ภัยที่อยู่ข้างเคียงออกมารับผู้ป่วยแทน ซึ่งมีการประสานภายหลังจากที่มีการระบุจากผู้แจ้งให้ประสานกู้ชีพ อบต.ใกล้เคียง และแจ้งไปภายหลังจากมีการนำส่งผู้ป่วยถึง รพ.แล้ว 

ในส่วน สพฉ.ที่ลงมา ก็ได้ลงมาสืบหาข้อเท็จจริงซึ่งก็ยังไม่มีการชี้แจงตามที่ตั้งข้อสงสัยไว้ ตอนนี้ก็ยังคงไม่มีความมั่นใจในระบบการทำงานของการแพทย์ฉุกเฉินสักเท่าไหร่ ให้เพียงแค่ 40 เปอร์เซ็น ในเรื่องของการไปรับผู้ป่วย รวมไปถึงการประสานงานที่ละเลยและล่าช้าอย่างมาก เบื้องต้นก็ได้ปรึกษาทนายความจะเข้าข่ายข้อกฎหมายใดหรือไม่ พร้อมทั้งได้ร้องไป สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน และเตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนไปยัง นายแพทย์ สสจ.ตรัง 

สำหรับประเด็นที่มีการตั้งคำถามจากสังคมว่า ทำไมถึงไม่นำไปส่งเองทั้งที่อยู่ห่างจาก รพ. เพียงแค่ 300 เมตร ขอชี้แจงว่า ตอนเกิดเหตุ มีเพียงภรรยาใหม่ของพ่อ และหลานวัย 11 ขวบ ไม่ได้มีคนอื่นๆอยู่ด้วย โดยทั้งสองขับไม่เป็นแม้กระทั่งรถ จยย. ภรรยาใหม่ของพ่อกับหลานช่วยกันอุ้มพ่อมาไว้ข้างในบ้าน และโทรขอความช่วยเหลือจากนายจ้างให้ช่วยในทันที ซึ่งนายจ้างก็ได้โทรประสาน 1669 ให้ และได้ไปเคาะเรียกลูกค้าทุกห้อง แต่เป็นช่วงหลับ ไม่มีใครเปิด มี 1 ห้องบอกว่าขับรถเกียร์กระปุกไม่ได้ จนรู้สึกว่าระยะเวลานานมากแล้วไม่มีรถมารับ จึงได้ให้หลานวัย 11 ขวบ เดินออกไปข้างนอกโรงแรม เผื่อมีใครอยู่บ้างให้ช่วยมาขับรถยนต์เก๋งของสามีไปส่งสามี ที่รพ.หน่อย จนหลานไปเจอพลเมืองดีนั่งดื่มกินอยู่ร้านอาหาร มีอาการมึนเมา จึงได้ขอช่วยจนมาขับไปส่งถึง รพ.และในเวลาที่เกิดเหตุ 04.38 น. เป็นช่วงที่คนข้างเคียงหลับไม่สามารถขอความช่วยเหลือใครได้