วันที่ 6 ต.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยายังคงมีเเนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาทำการระบายน้ำ 2,500 ลบ.ม./วินาที เป็นวันที่ 4 ต่อเนื่อง สำหรับปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่านจุดวัดอยู่ที่2,748 ลบ.ม./วินาที ที่สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำทางด้านเหนือเขื่อนอยู่ที่ 16.10 เมตร/รทก. มีปริมาณน้ำทางด้านท้ายเขื่อนทรงตัวอยู่ที่ 15.94 เมตร/รทก. ห่างจากตลิ่ง 40 ซม.

สำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา รวม 5 ตำบล 19 หมู่บ้าน มีผู้ประสบภัยจำนวน 384 ครัวเรือน รวม 959 คน ที่ ต.โพนางดำออก แนวคันดินป้องกันน้ำท่วมแตก ที่หน้าวัดสมอ ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา เมื่อวันก่อน ทำให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมชุมชนอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงตั้งแต่ 10-130 ซม. แล้วแต่ระดับความสูงของพื้นบ้านแต่ละหลัง ชาวบ้านรีบขนของอพยพ ขึ้นไปนอนบนถนนริมคันคลองมหาราชแล้วกว่า 400 คน รวมกว่า 100 ครัวเรือน เป็นภาพที่เห็นเท่าไรก็ไม่ชินตาเพราะไม่อยากมีใครขึ้นมานอนบนถนนชีวิตที่ต้องติดอยู่นานนับเดือน

ขณะที่นางประคอง อินทร์สอน อายุ 60 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ต.โพนางดำออก เดินทางมายังสวนกล้วยของตนเอง ที่ปลูกไว้ 2 งานกว่า โดยนำเรือและรถกระบะยกสูงมา เพื่อลอยคอไปในสวนแล้วรีบตัดกล้วยก่อนที่จะเน่าเสีย ตายคาต้น ระดับน้ำสูงถึงคอ ประมาณ 120-140 ซม.

นางประคอง อินทร์สอน เปิดเผยว่า บ้านของตนอยู่อีกหลังในพื้นที่ ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ก็ถูกน้ำท่วมเช่นกัน พอรู้ว่าที่สวนกล้วยถูกน้ำท่วมจึงรีบมาก่อนที่น้ำจะท่วมสูงไปกว่านี้ กล้วยที่ยังไม่แก่ก็ต้องรีบตัดไปก่อน เอาไปกินเองบ้างเอาไปแจกบ้าง ยังดีกว่าตายคาต้น