วันศุกร์ ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2568 04:23 น.

ภูมิภาค

รมว.ซาบีดาเปิด “ไหลเรือไฟโบราณ” นครพนม สืบสานศรัทธาเชื่อมไทย–ลาว

วันพฤหัสบดี ที่ 09 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 09.59 น.

วันที่ 8 ตุลาคม 2568 ค่ำคืนแห่งศรัทธาและความงดงามอันศักดิ์สิทธิ์หวนคืนอีกครั้ง ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ภายใต้แสงไฟเรืองรองและบรรยากาศแห่งความศรัทธา ในงาน “ไหลเรือไฟโบราณ สักการะบูชาพระธาตุพนม เชื่อมสัมพันธ์สองฝั่งโขง ไทย–สปป.ลาว” ประจำปี 2568 โดยมี นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงานอย่างเป็นทางการ

 

 

พิธีจัดขึ้น ณ ลานชมโขง หน้าโรงแรมธาตุพนมริเวอร์วิว โดยมี นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม, นพ.อลงกต มณีกาศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม, นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม, นายปรีชา มณีสร้อย นายอำเภอธาตุพนม พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาวไทย–ลาวจากสองฟากฝั่งโขง เข้าร่วมพิธีอย่างคึกคัก ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความร่วมมือและศรัทธา

พิธีเริ่มต้นด้วยการสักการะพระรัตนตรัย การสมาทานศีล และการเจริญพระพุทธมนต์ ก่อนเข้าสู่พิธี “จ้ำเคราะห์” หรือสะเดาะเคราะห์ตามปีนักษัตร ซึ่งเป็นความเชื่อดั้งเดิมของชาวลุ่มน้ำโขง เพื่อขจัดเคราะห์กรรมและเสริมสิริมงคลแก่ชีวิต

 

 

ช่วงไฮไลต์ของงานคือพิธีปล่อย “เรือไฟโบราณ” และ “กระทงสาย (ญานาค–กะโป๊ว)” ลงสู่แม่น้ำโขง โดยมีนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ เป็นประธานในพิธี เพื่อเป็นการขอขมาพระแม่คงคา และเป็นสัญลักษณ์แห่งการปลดปล่อยทุกข์โศกให้ไหลไปตามสายน้ำแห่งศรัทธา
ความตระการตาปรากฏขึ้นเมื่อเรือไฟโบราณทั้ง 12 ลำ ซึ่งแต่ละลำแทนปีนักษัตรทั้ง 12 ถูกปล่อยลงแม่น้ำพร้อมกัน ท่ามกลางการแสดงฟ้อนรำอันอ่อนช้อยจากกลุ่มแม่บ้านอำเภอธาตุพนม ถ่ายทอดความงดงามของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นริมโขง แสงไฟที่ลอยระยิบระยับกลางสายน้ำสะท้อนความผูกพันและความสามัคคีของสองแผ่นดิน ไทย–ลาว ได้อย่างงดงาม

นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวในโอกาสนี้ว่า รัฐบาลมุ่งมั่นผลักดันวัฒนธรรมไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล ผ่านนโยบาย “ไท ไทย” โดยใช้พลังทางวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือสร้างรายได้ที่แท้จริงให้ประชาชน พร้อมย้ำว่าประเพณีไหลเรือไฟไม่ใช่เพียงพิธีกรรมทางศรัทธา แต่คือ “พลังทางเศรษฐกิจของชุมชน” ที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน และสามารถต่อยอดสู่การท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรม และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ได้อย่างยั่งยืน

 

 

“การยกระดับเทศกาลเรือไฟสู่ระดับโลก สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ‘สืบสาน สร้างสรรค์ นำวัฒนธรรมไทยสู่อนาคตอย่างยั่งยืน’ ตามแนวคิด ROOT to RICH – จากรากเหง้าสู่รายได้ เพื่อขับเคลื่อนวัฒนธรรมไทยให้เป็นพลังแห่งความภาคภูมิใจบนเวทีโลก” นางสาวซาบีดากล่าวทิ้งท้าย

ในช่วงสุดท้ายของงาน มีการปล่อยไข่พญานาค กระทงสาย และเรือไฟโบราณทั้ง 12 นักษัตร ร่วมกัน ซึ่งไม่เพียงสะท้อนถึงความศรัทธา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือของสองประเทศที่มีสายใยทางวัฒนธรรมร่วมกันมายาวนาน เป็นภาพอันสง่างามที่สื่อถึงความสงบร่มเย็นและความรุ่งเรืองของชุมชนสองฝั่งแม่น้ำโขง

 

 

งานประเพณีไหลเรือไฟนครพนมในปีนี้ จึงไม่เพียงเป็นเทศกาลแห่งศรัทธา แต่ยังเป็นการฟื้นฟูคุณค่าทางจิตใจ สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น และต่อยอดให้มรดกวัฒนธรรมไทยมีชีวิตชีวา ควรค่าแก่การรักษาและส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้สืบไป

 

 

หน้าแรก » ภูมิภาค