ภูมิภาค
รมว.วธ.เปิดไหลเรือไฟโบราณ ต้นแบบเรือไฟยักษ์อันโด่งดัง สักการะบูชาพระธาตุพนม เพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่

ที่ลานชมโขงศาลาอเนกประสงค์ หน้าโรงแรมธาตุพนมริเวอร์วิว ถนนเลียบริมแม่น้ำโขง จุดผ่อนปรนตลาดไทย-ลาว หรือท่าด่าน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เป็นประธานในพิธีไหลเรือไฟโบราณ สักการะบูชาพระธาตุพนม เชื่อมวัฒนธรรมสองฝั่งโขงไทยลาว ประจำปี 2568
โดยมี นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายแพทย์อลงกต มณีกาศ สส.นครพนมเขต 3 พรรคภูมิใจไทย นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ อดีตนายก อบจ.นครพนม ว่าที่เลขานุการ รมว.วัฒนธรรม นายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร สส.นครพนมเขต 2 พรรคภูมิใจไทย คณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม วัฒนธรรมจังหวัดจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมพิธีฯ ณ บริเวณลานชมโขง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม วันที่ 8 ตุลาคม 2568 เวลา 18.30 น.
โดย รมว.วธ. ได้มอบหมายนายประสพ เรียงเงิน ปลัด ก.วธ. จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ร่วมเจริญพระพุทธมนต์และถวายปัจจัยไทยธรรม จากนั้นมีพิธีจ้ำเคราะห์ หรือสะเดาะเคราะห์ตามปีเกิด หรือ 12 ปีนักษัตร เพื่อปัดเป่าความทุกข์โศก และสิ่งที่ไม่ดีออกจากชีวิต ตามความเชื่อที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ โดยนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วธ. ได้ร่วมปล่อยเรือไฟโบราณเพื่อขอขมาพระแม่คงคา นำสิ่งที่ไม่ดีให้ไหลไปกับสายน้ำ พร้อมทั้งชมการปล่อยไข่พญานาค กะโป๊ว (กระทงสาย) และเรือไฟโบราณเชื่อมสัมพันธ์สองฝั่งโขงไทย และ สปป.ลาว จำนวน 12 ลำ 12 นักษัตร และชมการแสดงฟ้อนรำจากกลุ่มแม่บ้านอำเภอธาตุพนม
นางสาวซาบีดา กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นผลักดันวัฒนธรรมไทยให้ก้าวสู่ระดับนานาชาติ แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ความงดงามและพลังศรัทธาของคนไทย การจัดงานมหกรรมไหลเรือไฟในปีนี้ ไม่ได้เป็นเพียงงานประเพณีเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนศักยภาพของประเทศไทยในการใช้ "พลังวัฒนธรรม" เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างการฟื้นฟูและกระตุ้นรายได้ กระจายสู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังสอดคล้องกับการขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม ภายใต้แนวคิด "ไท ไทย" คือเปลี่ยนพลังวัฒนธรรมให้กลายเป็นรายได้จริง ผ่านการยกระดับทุนทางวัฒนธรรมให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ประเพณีไหลเรือไฟจึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เพราะสะท้อนเอกลักษณ์ความศรัทธา และภูมิปัญญาของคนไทยที่สามารถต่อยอดเป็นกิจกรรมท่องเที่ยว สินค้าท้องถิ่นและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ได้ครบวงจร ดังนั้น เทศกาลไหลเรือไฟไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์ของศรัทธา แต่ยังเป็นพลังทางเศรษฐกิจที่เชื่อมอดีต ปัจจุบันและอนาคตของชุมชนเข้าด้วยกัน
"ดิฉันเชื่อว่าการผลักดันและยกระดับเทศกาลเรือไฟสู่เรือไฟโลก จะสอดคล้องและช่วยขับเคลื่อนกับนโยบายด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม ภายใต้วิสัยทัศน์ สืบสาน สร้างสรรค์ นำวัฒนธรรมไทย สู่อนาคตอย่างยั่งยืน ส่งเสริม "ROOT to RICH" หรือจากรากเหง้า สู่รายได้ ภายใต้แนวคิด "ไท ไทย" ในการยกระดับคุณค่าชุมชน ขยายผลสู่ระดับประเทศ และต่อยอดสู่การแข่งขันบนเวทีโลกได้อย่างดี"
"ความงดงามของประเพณีอันเก่าแก่ และมีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และเป็นต้นกำเนิดของประเพณีไหลเรือไฟของพี่น้องชาวจังหวัดนครพนม จัดขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา ด้วยความเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทริมฝั่งแม่น้ำโขง รวมถึงการบูชาพญานาค การสำนึกในพระคุณของพระแม่คงคา และการขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เพื่อความสงบร่มเย็นและความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมืองและประชาชนริมโขงทั้งฝั่งนครพนมและฝั่งแขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงขอชื่นชมการจัดงานประเพณีไหลเรือไฟโบราณ ภายใต้โครงการยกระดับเทศกาลเรือไฟสู่เรือไฟโลก เพราะประเพณีไหลเรือไฟโบราณ ถือเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สำคัญ และสืบทอดกันมายาวนาน” นางสาวซาบีดา กล่าว
อย่างไรก็ตาม กระทรวงวัฒนธรรมจะเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนมอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งใช้ "ทุนทางวัฒนธรรม" และ "ความคิดสร้างสรรค์" มาต่อยอดให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญผลักดันกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์ของพื้นที่ เช่น ประเพณีไหลเรือไฟ การแสดงพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย(CPOT) ให้เป็นจุดขายในการท่องเที่ยว และจะส่งเสริมต่อยอดสู่การยกระดับจากเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลกให้เป็นที่รู้จัก ตลอดจนเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังสนับสนุนการผลักดันพระธาตุพนมสู่การขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพื่อยกระดับจังหวัดนครพนมให้เป็น ศูนย์กลางวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของภูมิภาคอย่างยั่งยืนต่อไป
ทั้งนี้ในยุคเริ่มแรกของประเพณีไหลเรือไฟ ชาวบ้านจะใช้วัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาเป็นองค์ประกอบ เน้นการอนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อมด้วย เซ่น การทำเรือไฟลำเล็กด้วยกาบกล้วย ให้เป็นเรือไฟส่วนตัวของสมาซิกในครอบครัว ทุกคนจะมีเรือไฟของตนเอง มีการจัดหา ดอกไม้ธูปเทียน ขี้ไต้ส่องสว่างเวลาจุดไฟ ก่อนไหลก็มีการตกแต่งให้สวยงาม แล้วอธิษฐานในสิ่งดีมีมงคลจุ ดไฟปล่อยให้ไหลไปตามลำนํ้าเป็นเสร็จพิธี
การทำเรือไฟกาบกล้วยลำเล็กๆ นั้นเป็นที่นิยมกันมานานแล้ว มีปู่ย่าตายายรวมทั้งพ่อแม่จะเป็นผู้นำพา เป็นต้นแบบในการจัดทำพร้อมทั้งอธิบายถึงความสำคัญของประเพณีไหลเรือไฟให้ลูกหลานฟังจนเข้าใจ และ สามารถทำเรือไฟกาบกล้วยของตนเองได้ พร้อมเกิดความศรัทธาที่จะสืบสาน อนุรักษ์ประเพณีไหลเรือไฟต่อไป
ภายหลังฝ่ายปกครอง ชุมซน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมถึงพระภิกษุในวัดประจำหมู่บ้าน เห็นว่าการทำเรือไฟกาบกล้วยให้เป็นเรือไฟส่วนตัวของชาวบ้านนั้น แม้เป็นสิ่งดีที่ควรอนุรักษ์และสืบทอด จึงคงให้กระทำและปฏิบัติในบุญเดือน 11 หรือบุญออกพรรษาอยู่ต่อไป แต่ขอปรับปรุงรูปแบบให้มีการทำเรือไฟของชุมชนหรือคุ้มวัด โดยให้มีขนาดของเรือไฟลำใหญ่ขึ้น โดยให้ซาวบ้านทุกคนมีส่วนร่วมในการจัดทำ จะได้เห็นถึงความสามัคคี ความเสียสละต่อสังคมส่วนรวมมากกว่าการทำเรือไฟลำเล็กๆ ด้วยกาบกล้วยของตนเองเท่านั้น
ชาวบ้านก็เห็นดีด้วยกับการทำเรือไฟของชุมชน เนื่องจากเป็นลำเรือขนาดใหญ่ความยาว 8-10 เมตร เมื่อจุดไฟลอยไหลไปตามลำน้ำ ผู้คนอยู่ริมฝั่งก็มองเห็นเรือไฟที่จุดทั่วลำเรือชัดเจน และสวยงามด้วย เพราะมองเห็นไฟจากแสงของขี้ไต้ที่ถูกวางเรียงให้โค้งไปตามรูปทรงของลำเรือ ต่อมาได้พัฒนาเป็นเรือไฟขนาดยักษ์ ยาวไม่น้อยกว่า 60-100 เมตร สูง 15-35 เมตรในปัจจุบัน
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
หน้าแรก » ภูมิภาค
Top 5 ข่าวภูมิภาค
![]()
- เก๋ง BMW เสยท้ายกระบะ ข้ามเกาะกลาง เจ็บ 3 9 ต.ค. 2568
- รมว.ซาบีดาเปิด “ไหลเรือไฟโบราณ” นครพนม สืบสานศรัทธาเชื่อมไทย–ลาว 9 ต.ค. 2568
- เขื่อนเจ้าพระยาลดการระบายน้ำลงเหลือ 2,300 ลบ.ม. ด้านนายกเล็กเปิดครัวแจกข้าวผู้ประสบภัย 9 ต.ค. 2568
- รมว.วธ.เปิดไหลเรือไฟโบราณ ต้นแบบเรือไฟยักษ์อันโด่งดัง สักการะบูชาพระธาตุพนม เพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคม 9 ต.ค. 2568
- ฝนถล่มกลาง-กทม.-ตะวันออก-ใต้! เหนืออีสานเริ่มแผ่ว ชาวเรือระวังคลื่นสูง 2 เมตร 9 ต.ค. 2568
ข่าวในหมวดภูมิภาค
![]()
สลด! ปู่-ย่า-ลุงจมน้ำดับ ขณะช่วยหลานวัย 14 พลัดตกตลิ่ง 20:52 น.
- เร่งตามตัว "พลายเบี่ยง" ช้างป่าเขาใหญ่ถูกไฟช็อตบาดเจ็บ ส่งทีมสัตวแพทย์เร่งเข้าประเมินอาการ 20:44 น.
- รมต.สำนักนายกฯ ลงพื้นที่สุโขทัยตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย สั่งเร่งช่วยเหลือเยียวยา 20:36 น.
- แม่ทัพภาคที่ 3 ตรวจเยี่ยมกำลังพลชายแดนไทย-เมียนมา กำชับดูแลชายแดนอย่างเข้มแข็ง 20:31 น.
- คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT 3 ลงพื้นที่พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา จ.อุบลราชธานี 20:28 น.