วันที่ 16 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 04.30 น. ร.ต.อ.หญิง มนัสนันท์ บุรีภักดี รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุบนถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 (ถนนนิตโย) สายนครพนม-สกลนคร บริเวณสี่แยกบ้านดอนโมง ต.หนองญาติ ฝั่งขาเข้าเมือง เบื้องต้นมีผู้ติดอยู่ในรถ 3 คน จึงรุดไปตรวจสอบพบรถยนต์โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียนนครพนม ตะแคงขวาอยู่ขอบถนน กันชนด้านขวามีรอยชนจนพลิกคว่ำหลายตลบ ส่วนรถยนต์คู่กรณียี่ห้อมาสด้า สีแดง ทะเบียนนครพนม ด้านหน้าพังยับจนถึงห้องเครื่อง จึงบันทึกจุดเกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน
    
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เวลาประมาณ 04.00 น. รถฟอร์จูนเนอร์สีขาว มีคนขับชื่อนางวิชุดา อายุ 49 ปี บ้านอยู่ใกล้กับหอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ได้ขับรถมาพร้อมกับสามี นายฑภณหรือเสี่ยอ๊อด อายุ 59 ปี มารับเพื่อนที่อยู่บ้านดอนโมง เพื่อจะเดินทางไปพบแพทย์ตามนัดที่ จ.ขอนแก่น หลังจากรับเพื่อนขึ้นรถแล้ว นางวิชุดาก็ขับออกมาถึงสี่แยกไฟแดงบ้านดอนโมง โดยจอดรอสัญญาณไฟ เมื่อไฟเขียวก็ขับขึ้นมาเพื่อกลับเข้าไปในเมืองอีกครั้ง ปรากฏว่าพอผ่านบริเวณสี่แยกไปได้ไม่กี่เมตร รู้สึกว่ารถถูกกระแทกอย่างแรงจนพลิกคว่ำหลายตลบ ทั้งสามคนต่างพยายามตะเกียกตะกายออกนอกรถ เพราะตอนนั้นยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พอคลานออกมาได้จึงรู้ว่าโดนรถเก๋งสีแดงพุ่งชนท้าย 
    
ส่วนคนขับรถเก๋งชื่อนายบอย (นามสมมติ) อายุประมาณ 34 ปี เบื้องต้นทราบว่าเป็นอาจารย์สอนเด็กพิเศษอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.หนองญาติ มีอาการเจ็บหน้าอกกู้ชีพจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลนครพนม พร้อมกับสามคนจากรถฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งผู้ที่อยู่ในรถฟอร์จูนเนอร์มีเพียงรอยปูดโนที่หัวเท่านั้น แพทย์เอกซเรย์ไม่พบสิ่งผิดปกติได้อนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนนายบอยยังอยู่ในความดูแลของแพทย์อีกระยะหนึ่ง
    
จากการสอบสวนนายบอยคนขับเก๋ง เวลาประมาณตีสี่ได้แวะซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อแถว ต.หนองญาติ จากนั้นได้ขับรถออกมาเพื่อเข้าตัวเมือง และขับมาด้วยความเร็วสูง พอถึงสี่แยกไฟแดงมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ว่า ฝั่งของนายบอยเป็นไฟแดงชัดเจน แต่ไม่ยอมหยุดรถจึงวิ่งฝ่าไฟแดง ไปพุ่งชนท้ายรถฟอร์จูนเนอร์อย่างจังจนพลิกคว่ำหลายตลบ โดยพนักงานสอบสวนได้ตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ทั้งหมดรวม 4 คน พบว่านายบอยมีปริมาณเกินกว่ากฎหมายกำหนด นอกนั้นเป็นศูนย์หมด
    
ต่อมาช่วงเที่ยงนายฑภณหรือเสี่ยอ๊อด หลังออกจากโรงพยาบาลได้พาผู้สื่อข่าวไปยังจุดเกิดเหตุอีกครั้ง พร้อมเล่าว่าตนขับรถยนต์ไม่เป็น ไปไหนมาไหนก็มีเมียพาไป ก่อนเกิดเหตุตื่นแต่ตีสามให้เมียขับรถไปรับนายเป้เพื่อนสนิทที่อยู่บ้านดอนโมง เพื่อเป็นคนขับพาตนไปพบแพทย์ที่ จ.ขอนแก่น หลังรับเพื่อนแล้วก็ต้องไปส่งเมียที่บ้านในเมือง พอพ้นสี่แยกได้ไม่เท่าไหร่ก็รู้สึกมีอะไรมากระแทกจนรถพลิกคว่ำ ซึ่งตนได้สวมสร้อยแขวนวัตถุมงคลเป็นพระสมเด็จวัดกลางคลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี สร้างโดยสมเด็จโตวัดระฆัง สมัยรัชกาลที่ 3 อายุกว่า 140 ปี ซึ่งสร้อยได้ขาดขณะเกิดเหตุตนจึงกำไว้ในมือจนแน่น ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นปาฏิหาริย์ในพุทธคุณของพระสมเด็จองค์นี้ ปกติจะคล้องหลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพฯ และ หลวงปู่คำพันธุ์ วัดธาตุมหาชัย วันนี้ไม่รู้เป็นไงเกิดอยากคล้องพระสมเด็จวัดกลางคลองข่อยขึ้นมา ทำให้รอดจากการบาดเจ็บรุนแรงในครั้งนี้