วันที่ 17 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ยังคงส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้าน โดยเฉพาะเกษตรกรในพื้นที่ชายแดน ที่กำลังเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวข้าวนาปีปีนี้

แม้ปัจจุบันจะไม่มีเหตุปะทะเกิดขึ้น แต่ชาวบ้านยังคงอยู่ในภาวะหวาดระแวง ไม่กล้าออกไปกรีดยางหรือทำการเกษตรในเวลากลางคืน เพราะเกรงจะได้รับอันตรายจาก ลูกระเบิดตกค้าง ที่ยังไม่ถูกเก็บกู้ โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนด้านจังหวัดสระแก้ว และบุรีรัมย์ ซึ่งเคยเป็นจุดปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา

ล่าสุด ความไม่มั่นคงดังกล่าวเริ่มกระทบถึงเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและอ้อย หลังมีข่าวว่ารถเกี่ยวข้าวและรถเกี่ยวอ้อยหลายรายปฏิเสธไม่รับงานในพื้นที่เสี่ยง แม้จะมีการเสนอราคาค่าจ้างสูงกว่าปกติถึง ไร่ละ 1,500 บาท จากเดิมเพียง 600 บาท

นายอำนาจ ชาวบุรีรัมย์ เจ้าของรถเกี่ยวข้าว กล่าวว่า ปกติรับงานเกี่ยวข้าวทั่วภาคอีสาน แต่ปีนี้ขอปฏิเสธงานในพื้นที่อำเภอบ้านกรวดและอำเภอละหานทราย ซึ่งเป็นเขตที่เคยมีการปะทะในอดีต เพราะไม่มั่นใจความปลอดภัย แม้ทางการจะยืนยันว่าพื้นที่ปลอดภัยแล้ว แต่ยังเชื่อว่ามีลูกระเบิด BM-21 ตกค้างอยู่ในไร่นา

“ต่อให้จ้างไร่ละพันห้าก็ไม่ไปครับ เพราะไม่รู้ว่าจะเหยียบลูกระเบิดเมื่อไหร่ รถเสียหายยังซ่อมได้ แต่ชีวิตคนมันเสี่ยงเกินไป” นายอำนาจกล่าว

ด้านนายสิทธิชัย ชาวบุรีรัมย์ เจ้าของรถเกี่ยวอีกราย กล่าวว่า เคยรับจ้างเกี่ยวข้าวในพื้นที่ชายแดนมาก่อน แต่ปีนี้ไม่กล้าเข้าไปอีกแล้ว เพราะไม่มีใครรับผิดชอบได้หากเกิดเหตุไม่คาดคิด แม้เกษตรกรจะยอมจ่ายแพงขึ้นก็ยังไม่กล้าเสี่ยง

ขณะที่ชาวนาในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว และบุรีรัมย์ ต่างแสดงความกังวลว่าจะขาดแคลนรถเกี่ยวข้าวในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ที่คาดว่าจะเริ่มเก็บเกี่ยวภายในสองเดือนนี้

นางรื่น ชาวอำเภอบ้านกรวด อายุ 64 ปี เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและอ้อย เปิดเผยว่า ปกติจ้างรถเกี่ยวข้าวในราคาประมาณไร่ละ 600–650 บาท และจ้างเกี่ยวอ้อยตันละ 200 บาท แต่ปีนี้กลัวว่าจะไม่มีรถเกี่ยวมารับจ้าง เพราะทุกคนต่างหวั่นอันตรายจากระเบิด

“ตอนนี้ไม่รู้จะทำยังไง ถ้ารถเกี่ยวไม่กล้าเข้ามา เราก็ต้องปล่อยให้ข้าวยืนต้นตาย อยากให้รัฐบาลรีบหาทางช่วยเหลือก่อนถึงฤดูเก็บเกี่ยว” นางรื่นกล่าว

ทั้งนี้ จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริเวณอำเภอบ้านกรวดเคยมีลูกระเบิด BM-21 ตกลงในพื้นที่กว่า 250 ลูก ซึ่งบางส่วนยังไม่ทราบจุดตกแน่ชัด เนื่องจากเหตุปะทะเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน ทำให้ร่องรอยถูกน้ำและดินกลบหายไป